Valentine's Kiss - Valentine's Kiss นิยาย Valentine's Kiss : Dek-D.com - Writer

    Valentine's Kiss

    ผู้เข้าชมรวม

    258

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    258

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  28 มี.ค. 55 / 17:32 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
     
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
       **NOTICE**

      ใครที่ยังไม่ได้อ่านเรื่อง This Christmas .. รบกวนอ่านเรื่องนั้นก่อนนะคะ  เพราะไม่อย่างงั้นอาจจะเกิดอาการ งง ได้

      ขอบคุณค่ะ ^^

      =======================================



      หลังจากที่ฮยอกแจเดินหนีทิ้งเพื่อนออกมาเพื่อที่จะให้ซองมินอยู่กับเพื่อนของซีวอนกันสองคน  เจ้าตัวอดที่จะยิ้มและหัวเราะกับเหตุการณ์แกล้งเพื่อนที่ผ่านมาเมื่อครู่นี้ไม่ได้  ที่สามารถทำให้ซองมินหลุดปากบอกอะไรไปหลายๆอย่างเพราะการพูดหลอกล่อของตนเอง

       

      ...คิกๆ  ป่านนี้ซองมินคงจะยืนอายอยู่ตรงนั้นแน่ๆเลย ฮ่าๆ  ปากแข็งดีนัก...

       

                                      คนเรานี่ก็แปลกนะครับ  หัวเราะคนเดียวก็ได้ด้วย  เสียงทุ้มดังขึ้นจากด้านหลังของร่างบาง  ทำให้เขาต้องหันกลับไปมองว่าเป็นใครที่บังอาจมาแซวความอารมณ์ดีของเขา  แต่แล้วก็ต้องตกใจและหยุดเดินเมื่อรู้ว่าเขาคนนั้นเป็นใครกัน

                                     

      นะ นาย!!!”  ร่างบางอุทานออกมาอย่างตกใจ  มาได้ไงเนี่ย!!??!”  คนที่ได้ยินนั้นถึงกับต้องขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัย

                                      ผมก็เดินมาสิครับ  ถามแปลกๆ

                                      แต่นายจะเดินตามฉันมาทำไม!!??” 

                                      ผมเนี่ยนะ?  ตามคุณ..??  ร่างสูงถามกลับอย่างงงๆ 

                                      ก็ใช่นะสิ ..” 

                                      หลงตัวเองไปหรือเปล่าครับ?  แต่ประโยคสวนกลับของร่างสูงทำเอาฮยอกแจหน้าแดงเพราะความโกรธปนอาย  สมองเริ่มจะประมวลผลหาคำด่าออกมาไม่ทัน

                                      อะ อะ ไอบ้า!!!  ฉันไม่ได้หลงตัวเองซะหน่อย  ด่าจบก็หันหน้าหนีทันที  ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอายตัวเองที่พูดไปแบบนั้น  หรือเพราะเขินกับสายตาที่จ้องมองมา 

       

      ...หน่อย!!  มาหาว่าฉันหลงตัวเองหรอ!!??  เปล่าซะหน่อย!! ชริๆ!!~...

       

                      สายตาคมจ้องมองและอมยิ้มกับท่าทีของคนที่กำลังโกรธเขาอยู่อย่างห้ามไม่ได้  มือบางกำแน่นกับสายกระเป๋าสะพายข้างที่ดูเหมือนพยายามสะกัดอารมณ์โกรธ  ใบหน้าขาวเนียนที่ตอนนี้กำลังขึ้นสีน่าชวนมอง เรียวปากบางที่หยักโค้งขึ้นและเคลื่อนไหวซึ่งอาจจะเป็นเพราะกำลังบ่นอะไรสักอย่างอยู่

       

      ถ้าอยากจะสัมผัสมือบางคู่นั้น...  จะนุ่มหรือเปล่านะ?

       

      ถ้าอยากจะสัมผัสใบหน้าเนียนนั้น...  มันจะมีกลิ่นหอมหรือเปล่านะ?

       

      แล้ว...  ถ้าอยากสัมผัสริมปากบางนั้น...  มันจะรู้สึกยังไง?

       

                      ยืนนานๆก็เริ่มจะรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังโดนจ้องมองจากที่ไหนซักแห่ง  เมื่อหันไปก็พบว่าหนุ่มหน้าหล่อระดับคนดังของมหาลัยนาม ชเว  ซีวอน  ที่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นเดือนมหาลัยก็เถอะ  แต่ทว่ากลับมีหญิงชายติดตรึมมากกว่าเดือนมหาลัยเสียอีก  ซึ่งมันก็รวมถึงตัวเขาเองด้วยที่แอบชื่นชอบผู้ชายคนนี้  มันก็หน้าดีใจอ่ะนะที่คนที่ตัวเองชอบมายืนมองแบบนี้  แต่ว่าใครมันจะไปทนไหวล่ะ?  สายตาคมที่ดูเหมือนจะมองทะลุปุโปร่งไปทั่วร่างราวกับว่ากำลังสำรวจร่างกายก็ไม่ปาน  ทำเอาก้อนเนื้อที่อยู่ในอกข้างซ้ายเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ  นี่ถ้าตัวเขาเป็นก้อนน้ำแข็งล่ะก็...  มีหวังคงจะละลายกลายเป็นของเหลวและระเหยเป็นไอน้ำล่องละลอยอยู่ในอากาศไปนานแล้ว!!

       

                                      มองอะไร? 

                                      เปล่านี่ครับ...  ร่างสูงตอบยิ้มๆ

                                      แล้วจะมองทำไม?

                                      ก็แค่อยากมอง….”  ร่างสูงหยุดเว้นวรรคและอมยิ้มมุมปาก  ก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้คนฟังอยากจะหาอะไรมาประทับบนใบหน้าหล่อๆนี่เหลือเกิน  “…คนน่ารัก…”

                                      ไปมองแมวที่บ้านไป!!”  ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าดี  จึงได้แต่พูดส่งๆออกไปให้มันจบๆ  แต่ทว่ายิ่งพูดยิ่งเข้าหาตัวเอง

                                      แต่แมวที่บ้านไม่น่ารักเหมือนฮยอกแจนี่ครับ

       

      ...อ๊ากก!!!~~ ไอหมอนี่มันอยากตายด้วยรองเท้าเบอร์ 8 เสริมส้น(?)หรือไงฟระ!?!?...

       

                      เมื่อสมองเริ่มประมวลผลไม่ทันก็เริ่มที่จะหาทางถอยกลับไปตั้งหลัก

       

      กลับบ้าน..  ดีที่สุด!!!!

       

                      ไม่ต้องรอให้พูดจาว่ากล่าวกันต่อร่างบางก็หันหลังและเดินกลับบ้านทันที  ทำเอาคนที่เพิ่งจะหยอดคำแซวเมื่อกี้หุบยิ้มและเดินตามร่างบางไป  ด้วยความรู้สึกผิดเล็กๆกับการหยอดคำหวานแบบแรงๆ(?)ออกไป  สายตาคมมองตามแผ่นหลังบางไปตลอดทาง  และหวังว่าคนข้างหน้านี้จะหันกลับมาพูดอะไรกับเขาสักนิดเพื่อที่จะทำให้รู้สึกดีใจขึ้นมาเล็กน้อยก็ยังดี  และดูเหมือนว่าคำขอในใจของเขาจะเป็นจริงเมื่อร่างบางหันกลับมา  แม้ว่ามันจะไม่มีรอยยิ้มเลยก็ตามที

       

                                      จะตามมาอีกนานมั้ย?  ฮยอกแจถามเสียงเข้มที่ทำให้ร่างสูงคิดดูแล้วว่ามันไม่เข้ากับหน้าตาที่หวานๆเลยสักนิดเดียว 

                                      ก็...  จนกว่าฮยอกแจหายโกรธผม

                                      โกรธ?..  เรื่องอะไร?  ถามจบก็หลบสายตาหนี  ไม่กล้าที่จะจ้องนานๆ

                                      ก็เรื่องเมื่อกี้..  ผมคิดว่าฮยอกแจคงจะโกรธผม...

       

      ...ไม่โกรธหรอกนะไอเรื่องเมื่อกี้น่ะ  แค่เขินเฉยๆ  แล้วจะมาจ้องฉันทำไมเนี่ย!!!??...

                                      ถ้าเรื่องแค่นั้น..  นายคิดว่ามันจะทำให้ฉันโกรธ  นายก็คงจะมีสมองน้อยมากๆ  ไม่ได้ด่านะ..  แค่เปรียบเทียบเฉยๆ   เอาไว้นายลักลอบทำร้ายหรือผลักฉันตกบันไดก่อน  แล้วค่อยมาถามฉันว่าโกรธมั้ยก็แล้วกัน

       

      ฮยอกแจยืนรอรถอยู่ได้สักพักก็เห็นว่ารถที่ตนเองกำลังรออยู่นั้นกำลังจะมาในอีกไม่ช้า  เขาจึงหันไปบอกกับคนที่ติดตามมาแบบที่เขาไม่ตั้งใจให้มาว่าจะกลับแล้วแต่ดูเหมือนว่าจะยังไม่ยอมไปเสียเท่าไหร่  แถมยังทำท่าเหมือนจะมีเรื่องพูดต่อด้วยซ้ำไป

       

                                      ฮยอกแจบอกผมว่า...ผมต้องทำร้ายฮยอกแจก่อนใช่มั้ยครับ?  แล้วผมถึงค่อยมาถามฮยอกแจว่าโกรธหรือเปล่า?

                                      อะ อืม   ...ถามแบบนี้จะมาไม้ไหนอีกวะเนี่ย?...             

                                      ถ้าอย่างนั้น.....

       

                      ร่างสูงหยุดพูดไป  ก่อนที่จะทำในสิ่งที่ฮยอกแจคิดว่าคงจะไม่มีทางเกิดขึ้นระหว่างตัวเองและคนที่เขาชอบแน่นอน  เพราะมันเป็นสิ่งที่ฮยอกแจคิดว่ามันห่างไกลที่สุดและไม่มีวันเกิดขึ้นจริง  แต่ทว่าในวันนี้ ตอนนี้ และ ณ เวลานี้  ทั้งหมดมันกลับตรงกันข้ามกับความคิดของฮยอกแจ เมื่อจู่ๆ ริมฝีปากได้รูปของซีวอนประทับลงบนแก้มเนียนของเขาอย่างรวดเร็วและไม่ทันตั้งตัว 

       

                                      กลับบ้านดีๆนะครับ แล้วพรุ่งนี้ผมจะมาถามว่าโกรธผมหรือเปล่า?  บายๆ~”  พูดจบแบบรวดเร็วภายในลมหายใจและไม่ต้องรอให้ฮยอกแจพูดอะไรต่อเจ้าตัวก็ชิ่งหนีวิ่งไปไกลเกินกว่าที่จะตามทัน  และกว่าฮยอกแจจะรู้สึกตัว  เจ้าคนที่ขโมยหอมแก้มเขาก็ไปไกลลับสายตาแล้ว  เขาจึงได้แต่ก่นด่าสาปแช่งในใจไอคนที่ขโมยหอมแก้มเขาเมื่อกี้หนีอย่างหัวเสีย

       

      ...ไอชเว ซีวอน!!!!  มันหอมแก้มฉัน...  อะ อะ ไอบ้า!!!  ไอ ไอ...ย๊ากกกกกกกก!!!! ...

       

                      ..แบบนี้.. เขาเรียกว่ากรรมตามทันหรือเปล่านะ?..

       

      * * * * / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / * * * *

       

                      เช้าวันใหม่หนุ่มหน้าหล่อคนดังอย่างซีวอนเดินหิ้วกระเป๋ามาอย่างอารมณ์ดี  ทำให้เพื่อนสนิทของเขาอดที่จะเอ่ยปากแซวเพื่อนไม่ได้

       

                                      แหม~  วันนี้คุณชายชเวอารมณ์ดีตอนเช้า.. สงสัยพายุหิมะคงเข้าแหะ

                                      ทำไมวะ?  อารมณ์ดีแล้วแปลก?

                                      ก็เออดิ..  ร้อยวันพันปีไม่เคยจะเห็นมึงยิ้มตอนเช้าอ่ะ 

                                      ขนาดนั้นเลยหรอวะ? ไอคยูฮยอน  ซีวอนถามกลับอย่างไม่น่าเชื่อ  เป็นไปได้หรอที่ว่าเขาจะไม่เคยยิ้มในตอนเช้า??

                                      โหย….ถ้าที่ผ่านมามึงยิ้มนะ  ป่านนี้ฮยอกแจเป็นแฟนกูไปนานแล้ว..  เฮ้ยๆ!!! กูล้อเล่น!!”  อ้างอิงถึงฮยอกแจได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีชายหนุ่มหน้าตาดีก็เกือบที่จะได้สิ้นลมอยู่ที่เก้าอี้มหาลัยด้วยวัยเพียงแค่ 22 ปี  เนื่องจากซีวอนเตรียมพร้อมที่จะยกเท้าที่ห่อหุ้มด้วยรองเท้ายี่ห้อดังอย่างกุชชี่และกระเป๋าหลุยส์แสนแพงของตนเองทับถมลงที่เพื่อนอย่างตั้งใจ

       

                                      วันนี้ไปหาซองมินป่ะเนี่ย  ถามพลางทิ้งตัวนั่งลงบนม้านั่งและหยิบงานที่อาจารย์สั่งเมื่ออาทิตย์ที่แล้วมาทำก่อนที่จะส่งในอีก 2 ชั่วโมงจากนี้  ส่วนคนถูกถามก็ขานตอบในลำคอเบาๆ

                                      แล้วเมื่อวานเป็นไงบ้างล่ะ?  ซีวอนยังคงถามต่อ

                                      ก็...ดี  คำตอบพร้อมอมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทำให้ซีวอนอดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้  แล้วมึงอ่ะ?ได้ข่าวว่ากลับพร้อมกันไม่ใช่หรอ?  ร่างสูงไม่ตอบแต่กลับอมยิ้มในชนิดที่ว่าแสดงความมั่นใจสูงส่ง

                                      แถมยังไปหอมแก้มฮยอกแจอีกด้วยใช่มั้ยล่ะ?  มึงถึงได้อารมณ์ดีแบบนี้อ่ะ?

       

                      ประโยคต่อมาทำให้ซีวอนต้องเงยหน้าจากหนังสือและมองเพื่อนด้วยความสงสัยว่าไปรู้มาได้ยังไง?  ในเมื่อเมื่อวานมีเขากับฮยอกแจแค่สองคน  และมั่นใจว่ามีแค่เขาสองคนเท่านั้นจริงๆ

       

                                      รู้ได้ไงวะไอคยูฮยอน!!?”

       

      แต่ในความเป็นจริงแล้ว..  ซีวอนอาจจะลืมไปว่าสถานที่ที่พวกเขาอยู่ในตอนนั้น มันเป็นสถานที่สาธารณะที่ใครๆก็สามารถผ่านไปมาได้!

       

                                      เอาเป็นว่าเขาพูดกันให้ทั่วมหาลัยแล้วเหอะ!!” 

       

      * * * * / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / * * * *

       

      แม้จะเป็นแค่เพียงช่วงเวลาไม่ถึงสามวินาที  แต่ความอุ่นร้อนของมันกลับติดตรึงไม่จางหายจนถึงตอนนี้  มือบางเผลอยกขึ้นสัมผัสกับแก้มใสของตนเองอย่างลืมตัว  และยิ่งนึกถึงเวลาในตอนนั้นใบหน้าเนียนก็ขึ้นสีอย่างห้ามไม่ได้

       

      ...อ๊ากก!!! นี่แกคิดอะไรของแกเนี่ยฮยอกแจ!!!...

       

      เป็นไรฮยอกแจ?  ซองมินถามขึ้นเมื่อเห็นว่าท่าทางของเพื่อนดูแปลกๆ  ไม่สบายหรือเปล่าเนี่ย? หน้าแดงๆนะ  มืออวบยื่นมาแตะบนหน้าผากของร่างบางเพื่อวัดไข้

      ก็ไม่ได้เป็นไรนิ  แต่ใบหน้าของซองมินก็ยังคงแสดงความสงสัยไม่เสื่อมคลาย

      เอาน่าๆ  ช่างเถอะซองมิน  ไปทานข้าวกันดีกว่า  หิวแล้วๆ  ฮยอกแจพยายามเปลี่ยนเรื่องและเอาของกินมาหลอกล้อร่างอวบ  เพื่อที่จะไม่ต้องสงสัยอะไรมากไปกว่านี้ว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้นบ้าง

       

                      ทั้งสองเดินเรื่อยๆมายังโรงอาหาร  แต่ว่าตลอดทางเดินกลับมีสายตาจากคนอื่นๆที่เดินผ่านทอดมองมายังพวกเขา  ยิ่งเป็นพวกผู้หญิงหากกระโดดขย้ำได้เขาก็คงจะโดนไปแล้ว  และเมื่อทั้งสองมาถึงยังจุดหมาย  เดินผ่านโต๊ะไหน  ผ่านคนไหน  หรือใครเดินผ่านก็ยิ่งมองเยอะกว่าเก่าจนซองมินเริ่มจะรู้สึกอึดอัดกับสายตาที่มองมา  แม้ร่างอวบจะหันไปถามเพื่อนแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบมาเช่นเดียวกัน  พวกเขาจึงไม่สนใจและเดินดูว่าวันนี้จะทานอะไรกันดี  แต่ทว่าแทนที่จะได้กินกลับมีเรื่องที่ต้องให้ปวดหัวก่อนซะงั้น

       

                      ระหว่างที่พวกเขากำลังเดินนั้นก็มีผู้หญิงกลุ่มหนึ่งประมาณ 2-3 คนเดินสวนมาทางพวกเขา  และมันจะไม่เกิดเรื่องถ้าหากว่าผู้หญิงคนหนึ่งในสามคนนั้นไม่แกล้งเดินชนและทำน้ำหกใส่ฮยอกแจ 

       

                                      อุ๊ย!!!~  ตายแล้ว!! ขอโทษด้วยนะที่ทำน้ำหกใส่  หญิงสาวพูดออกมาแบบที่ดูแวบเดียวก็รู้แล้วว่านี่มันแกล้งกันชัดๆ!!

                                      นี่เธอตั้งใจชัดๆนี่!!!”  ซองมินออกตัวก่อนเพื่อน  เพราะเห็นๆอยู่ว่าแก้วน้ำมีฝาปิด  แต่เธอเอาออกและใส่น้ำซะเต็มแก้ว  แถมตอนที่ชนกันก็ไม่ได้แรงถึงขนาดที่น้ำมันจะหกออกมาเยอะจนทำให้เสื้อเปียกขนาดนี้

                                      ตั้งใจ?  ตรงไหนไม่ทราบ?  หญิงสาวคนเดิมยังคงยืนยันความบริสุทธิ์ว่าเธอไม่ได้ตั้งใจอยู่

                                      ช่างเหอะซองมิน  ไปทานข้าวกันดีกว่า  เปียกแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก  เดี๋ยวก็แห้ง  ฮยอกแจเอ่ยออกมาว่าไม่เป็นไรจริงๆ  หญิงสาวที่ได้ยินดังนั้นก็หัวเราะนิดๆกับแผนการแกล้งนั้นสำเร็จ  แต่ฮยอกแจก็ใช่ว่าจะเป็นคนที่ยอมคนเสียเมื่อไหร่  เมื่อเขาเปียก  คนทำ..  ก็ต้องเปียกด้วย

       

                      คิดดังนั้นร่างบางก็เดินไปยังโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆซึ่งมีแต่ผู้ชายนั่งอยู่  ฮยอกแจโปรยยิ้มชนิดที่เรียกว่าใครเห็นก็หลงพร้อมกับทำเสียงออดอ้อนให้หนุ่มๆแถวนั้นได้ใจยวบยาบไปตามเสียง

       

                                      หิวน้ำอ่ะ.. แก้วนี้.. ขอนะ  ว่าจบก็ขยิบตาให้กับเจ้าของแก้ว  ทำเอาแทบหายใจไม่ทัน หยอดคำหวานกันอยู่ได้สักพักก็กลายเป็นเสียงกรีดร้องของหญิงสาวคนเดิม  เมื่อฮยอกแจตั้งใจสาดน้ำจากในแก้วใส่หล่อน  ถ้าเป็นชนิดที่ไม่มีสีจะไม่ว่า  แต่นี่... สีแดงแจ่มชัด

                                      อ๊ะ!! โทษทีนะ  แก้วมันลื่นอ่ะ 

                                      นะ นี่แกแกล้งฉันหรอ?!!”  เธอถามด้วยน้ำเสียงโกรธจัด  และมือของเธอและของเพื่อนต่างก็ช่วยกันซับน้ำออกให้  แต่ถึงแม้จะซับน้ำออก  แต่ดูเหมือนว่าสีแดงของน้ำมันจะไม่ออกตามไปด้วย

                                      ก็บอกแล้วไงว่าแก้วมันลื่น  หึหึหึ!!~  ไปล่ะ  พูดแค่นั้นก็เดินออกมาทันทีไม่รอให้หญิงสาวได้ก่นด่าอะไรต่อไปอีก  ส่วนซองมินก็ได้แต่หัวเราะกับฮยอกแจที่ทำแบบนั้น

                      เมื่อรบสงครามเสร็จก็เริ่มจะหิวมากขึ้นกว่าเดิม  ทั้งสองเดินหาอะไรเพื่อทานไปเรื่อยๆ  แต่ก็ยังคงรู้สึกว่ามีสายตาจ้องมองเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง  ทั้งสองตกลงกันเรียบร้อยแล้วว่าจะทานอะไรกัน  จึงไปยืนรอต่อคิวเพื่อซื้อ  แต่ทว่ากลับมีบางสิ่งที่ได้ยินลอยเข้าหูมาและทำให้การต่อคิวรอซื้ออาหารต้องเป็นอันจบไป

       

                                      นี่ๆ  ได้ยินเขาลือกันเปล่า?  ที่ว่าคุณชายซีวอนไปจูบกับฮยอกแจที่ป้ายรถเมล์น่ะ?  เสียงของหญิงสาวนางหนึ่งเอ่ยขึ้นจากแถวร้านข้างๆ 

       

                      และเมื่อซองมินได้ยินแบบนั้นก็หันมามองหน้าเพื่อนอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง  ไม่ต้องเอ่ยปากถาม  ฮยอกแจก็รู้แล้วว่าต้องตอบว่าอย่างไร

       

                                      แค่ หอมแก้มไม่ได้ จูบ’”  ร่างบางตอบแก้ต่างเบาๆ  ก่อนที่จะพูดประโยคถัดมาด้วยน้ำเสียงที่ซองมินยังฟังแล้วน่ากลัว

                                      แต่ตอนนี้...  ฉันจะไปฆ่าไอหน้าหล่อนั่นก่อน!!!”   

       

      ...หน่อย!!!  ไอหน้าหล่อ!!   งานนี้ฉันฆ่านายแน่!!! แค่เรื่องที่นายขโมยหอมแก้มฉันยังไม่เคลียร์เลยนะเฟ้ย!!!...

       

      * * * * / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / * * * *

       

                      ชเว  ซีวอนยังคงนั่งทำหน้าหล่ออย่างไม่รู้ชะตากรรมตนเองว่าจะเกิดอะไรขึ้น  เขารู้เพียงแค่ว่าตอนนี้กำลังจามอย่างห้ามไม่ได้  จนเพื่อนต้องบ่นออกมาว่ารำคาญคนจะทำงาน

       

                                      ไอซีวอน!!!  ไปจามไกลๆดิ  รำคาญว่ะ!!!”

                                      ฮัดชิ๊ว!!!  แล้วกูห้ามได้มั้ยล่ะ?  ใครแม่งนินทากูวะ!!?!”

                                      ฉันเอง!!!”  เสียงหนึ่งโผล่งขึ้นมาแบบไร้ทิศทางทำให้ชายหนุ่มทั้งสองต้องหันไปตามเสียงนั้น  ที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังของซีวอน

                                      ฮยอกแจ!!!”  ร่างสูงเอ่ยขึ้นอย่างตกใจก่อนจะกลับเป็นปกติ  เออ.. มีอะไรหรือเปล่าครับ?

                                      นายใช่มั้ย!!?!?  ที่เป็นคนไปป่าวประกาศว่าฉันถูกนาย....  ร่างบางถามออกมาอย่างเสียงดังก่อนจะเบาลงในท้ายๆประโยคเพราะไม่กล้าพูด  แต่มันก็พอทำให้ร่างสูงเข้าใจว่าคนตรงหน้านี้กำลังหมายถึงอะไร?

       

                      ซีวอนเปลี่ยนท่านั่งให้หันมาทางฮยอกแจ  และพูดปฏิเสธด้วยท่าทางที่สบายๆ

       

                                      ผมเปล่านะครับฮยอกแจ~  ผมเองก็ยังงงอยู่เลยว่าทำไมพวกเขาถึงได้รู้กัน  แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้ทำให้ร่างบางรู้สึกดีไปด้วย  และยังคงเป็นซีวอนฝ่ายเดียวที่ยังคงพูดอยู่

                                      ว่าแต่...  ตอนนี้ผมสามารถถามฮยอกแจได้หรือยังครับว่าโกรธผมหรือเปล่า?  ร่างสูงถามยิ้มๆแต่คนถูกถามไม่ได้ยิ้มตามไปด้วย

                                      ดีใจรึไง?  ที่นายสามารถทำให้ฉันโกรธนายได้ 

                                      ครับ..  ก็นิดนึง  ผมจะได้ง้อฮยอกแจไง~”

                                      สนุกมากใช่มั้ย? ชเว ซีวอน  น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาเรียบๆ  และใบหน้าที่นิ่งเฉยมันเริ่มทำให้ร่างสูงรู้สึกถึงความผิดปกติที่เริ่มก่อตัวขึ้นมาทีละน้อยๆ

       

                                      ตอบมาสิว่านายกำลังสนุกกับการทำให้ฉันโกรธนายได้  นายกำลังดีใจที่กำลังจะได้ง้อฉันให้ยกโทษให้นายได้  และนายยังสามารถทำให้คนทั้งมหาลัยรู้ว่านายสามารถทำแบบนี้กับฉันได้ 

       

      น้ำเสียงที่เริ่มแข็งขึ้นทำให้ซีวอนลุกขึ้นยืนและก้าวข้ามม้านั่งหินอ่อนที่กำลังนั่งอยู่ออกไปยืนตรงหน้าร่างบาง  สายตาคมมองดวงตาเรียวเล็กที่ตอนนี้กำลังฉายแววโกรธเคืองอย่างเห็นได้ชัด  มือหนาค่อยๆเอื้อมไปกอบกุมกับมือบางที่ตอนนี้กำลังกำแน่นเพื่อพยายามสะกดอารมณ์ความโกรธ

       

                                      เออ..  มันไม่ใช่อย่างนั้นนะฮยอกแจ  ผม...

                                      ช่างเถอะ..  ร่างบางโบกมือปัดๆ  เพื่อบ่งบอกว่าไม่เป็นไร  ส่วนอีกมือหนึ่งที่กำลังถูกกอบกุมอยู่นั้นก็พยายามฝืนให้ร่างสูงปล่อยมือตนเองออกจนมันเป็นอิสระ

                                      ฮยอกแจ....  ซีวอนยังคงเรียกชื่อด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงและไม่ติดตลกแบบในตอนแรกเลยสักนิดเดียว  ดวงตาเรียวเล็กเงยขึ้นมองสบกับคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่ผิดหวังในตัวผู้ชายคนนี้สุดๆ  ซึ่งซีวอนเองก็รู้สึกได้ถึงความรู้สึกนั้น

                                      ฉันไม่โกรธนายหรอก ชเว  ซีวอน  ร่างบางถอนหายใจ  ก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้ร่างสูงขอรับความผิดทั้งหมดรวมถึงความผิดของคนที่ปล่อยเรื่องที่เขาหอมแก้มฮยอกแจไปคนเดียว  ความผิดที่เขาเอาความรู้สึกของคนอื่นมาล้อเล่น  ความผิดที่ทำให้คนที่เขารู้สึกดีด้วยเสียใจ  ความผิดที่เขาทำให้ดวงตาที่สดใสหมองลงไปในทันใด 

       

                                      และจำไว้ด้วยว่า..ฉันเป็นแค่คนที่ ‘’เคยรักนายคนหนึ่ง  แต่ตอนนี้.. ไม่อีกแล้ว 

       

      ดวงตาซุกชน..  ที่เขาหลงรักตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบ

                      รอยยิ้มสดใส..  ที่เขาหลงรักตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น

       

      แต่ตอนนี้..  เขาเป็นคนทำให้มันหายไปเพียงชั่วพริบตาเดียว

       

      * * * * / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / * * * *

       

                      ว่ากันว่า  การง้อ  เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการที่จะทำให้คนรักของเรานั้นหายโกรธเรา  ไม่ว่าจะง้อด้วยวิธีใดๆก็ตาม  อย่างเช่น  ไปหาและพยายามคุยกับเขาทุกวัน  ซื้อของไปให้พร้อมกับหยอดคำหวานนิดๆ  แสดงความเป็นห่วงด้วยการโทรไปหา  หรือแม้กระทั้งแกล้งโกหกว่าป่วย  เพื่อที่จะทำให้คนที่เราง้อหันมาคุยกับเราตามเดิม  แต่ดูเหมือนว่าทุกสิ่งที่พูดมาจะตรงกันข้ามกับผู้ชายที่ชื่อ  ชเว ซีวอน  ทั้งหมด!!!

       

                                      กูจะทำยังไงดีวะไอโจ!!~~ฮยอกแจเขาโกรธกูหนักกว่าเดิมอีกอ่ะ!!!”  ร่างสูงแทบจะเอามือทึ้งผมตัวเอง

                                      สมน้ำหน้า!!!  แล้วใครบอกให้มึงไปโกหก!!”  ชายหนุ่มไม่ช่วยแถมยังตอกย้ำกับความผิดพลาดของเพื่อนหน้าหล่อที่ใช้ความคิดสั้นไปหลอกฮยอกแจแบบนั้น  หน้าตาก็ดี  แต่เสือกโง่~”

                                      หูย!!~  ครับๆ  ไอคุณชายสุดหล่อ  รวย  เพอร์เฟค  แต่เสือกไม่ฉลาดในการจีบหญิง!!!  แค่ไม่เจอซองมินวันเดียวกลายเป็นหมาหงอยเลยนะมึง!!~”  ซีวอนจิกกัดเพื่อนเบาๆพอเป็นพิธี  แต่คยูฮยอนก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากหนักเพราะอย่างน้อยเขาก็กล้าพอที่จะเข้าไปคุยกับซองมินก่อน

       

                                      ก็ยังดีกว่ามึงล่ะวะ  ที่เสือกใช้ความคิดโง่ๆไปหลอกฮยอกแจอ่ะ   

       

                      เนื่องจากสองวันก่อน  ซีวอนได้บอกให้คยูฮยอนไปบอกกับฮยอกแจว่าเขาไม่สบายนอนอยู่ที่ห้องพยาบาล  เพราะเขามั่นใจว่าถ้าหากคนที่รักป่วยหรือไม่สบาย  เป็นใครใครก็ต้องกังวลและรีบไปหาให้เร็วที่สุด  ซึ่งฮยอกแจเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ยอมรีบไปหาซีวอนหลังจากได้รู้ข่าวจากซองมิน  เมื่อฮยอกแจไปถึงก็พบร่างสูงนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล  เมื่อไถ่ถามอาการว่าเป็นอะไรยังไงซีวอนก็บอกหมด  แต่ทว่าความดีใจกลับทำให้ทุกอย่างพังลงมาอีกครั้งเมื่อซีวอน เผลอพูดไปว่า

       

                                      ถ้าผมรู้ว่าฮยอกแจเป็นห่วงผมขนาดนี้  ผมก็คงจะทำให้ตัวเองป่วยไปตั้งนานแล้วล่ะ

       

      เท่านั้นแหละ....

       

                      ไม่ต้องถามอะไรให้เสียเวลา เพราะเห็นๆและได้ยินกันอย่างชัดแจ่มแจ้งไม่ต้องหาคำบรรยายเพิ่มอีกว่าผู้ชายคนนี้โกหกเขา  สายตาเรียวเล็กจ้องมองใบหน้าคมด้วยความโกรธที่มีมากกว่าเดิม  ก่อนจะลุกขึ้นและมีเสียงปิดประตูดังโครมใหญ่ดังตามขึ้นมาท่ามกลางความเงียบภายในห้องพยาบาล  ซึ่งโชคดีว่าในตอนนั้นไม่มีอาจารย์และนักศึกษามานอนป่วยอยู่ไม่งั้นคุณชายหน้าหล่อคงโดนประณามหาว่าไม่มีมารยาทผู้ดีไปแล้ว

       

                                      แล้วกูจะทำยังไงดีวะไอคยูฮยอน!!??~~”  ร่างสูงฟุบใบหน้าอันหล่อเหลาลงกับแขนตัวเอง

                                      คิดเองดิ  ได้ข่าวว่าเรื่องที่มึงไปหอมแก้มฮยอกแจก็ยังไม่เคลียร์เลยไม่ใช่หรอวะ?  ได้ยินเพียงแค่นั้นก็เหลือบมองเพื่อนตนเองอย่างเคืองๆ

       

      ...แมร่ง!~ ไม่ช่วยกูคิดแล้วยังเสือกมาตอกย้ำกันอีกนะมึง!!!~...     

                      * * * * / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / * * * *

       

      และเมื่อใกล้ถึงวันสำคัญอย่างวันคริสมาสต์  เรื่องราวที่ไม่น่าจะเกิดก็เกิดเมื่อซีวอนโทรมาบอกเขาว่าซองมินโดนรถชนและตอนนี้กำลังอยู่ที่โรงพยาบาลกับคยูฮยอน  เมื่อฮยอกแจได้ยินดังนั้นก็รีบออกไปหาในทันทีและพบว่าซองมินยังคงอยู่ในห้อง ICU ที่หน้าห้องพบว่าคยูฮยอนกำลังนั่งกุมมือของตัวเองอยู่ที่เก้าอี้อย่างเคร่งเครียด  และซีวอนที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆเพื่อนซึ่งทั้งคู่มีสีหน้าที่เครียดไม่แพ้กัน

       

                      ซองมินล่ะ?  ร่างบางเอ่ยถามขึ้นโดยไม่เจาะจงว่าจะถามใคร

                      ยังไม่ออกมาเลยครับ  ซีวอนเป็นคนตอบคำถาม  เข้าไปได้เกือบ 2 ชั่วโมงแล้ว  สายตาคมเห็นว่าร่างบางของเขายังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ก้าวเดินออกไปทางไหน  เขาจึงลุกขึ้นไปหาและค่อยๆยื่นมือไปจับกับมือบางเบาๆเพื่อไม่ให้คนตรงหน้าตกใจ

       

                      ไม่เป็นไรนะครับฮยอกแจ?  ซีวอนถามเบาๆ  เขาพบว่าร่างบางนี้กำลังอยู่ในอาการตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น  ดวงตาเริ่มแดงก่ำและน้ำตาเริ่มคลอ  และเพียงแค่เขารั้งร่างบางเข้ามาในอ้อมกอด  น้ำตาก็ไหลออกมาราวกับเขื่อนแตกในทันที  เสียงสะอื้นถูกปลดปล่อยออกมา  ทำให้ร่างสูงได้ยินในสิ่งที่ฮยอกแจพูดไม่ชัดมากนัก  เท่าที่เขาสามารถจับใจความได้คือ  ซองมิน  ชื่อของคนที่กำลังอยู่ในห้อง ICU

       

      ซีวอนพาคนที่กำลังร้องไห้อยู่เป็นระยะไปนั่งเก้าอี้ที่อยู่ถัดออกไปจากของคยูฮยอนวงแขนแกร่งยังคงโอบประคองร่างบางให้อยู่ในอ้อมกอดตลอดเวลาราวกับกลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับคนๆนี้ดั่งเช่นซองมิน 

       

      ผ่านไปเกือบๆ 5 ชั่วโมงสำหรับการรอคอยที่แสนยาวนาน  ชายร่างสูงในชุดกาวน์สีเขียวสำหรับการผ่าตัดได้ก้าวออกมาจากห้องทำให้ทั้งสามลุกขึ้นพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย  แน่นอนว่าคนที่เดินเข้าไปถามไถ่อาการได้เร็วที่สุดคือ คยูฮยอน นั้นก็เพราะความเป็นห่วงคนรักของเขา     

                     

      ซองมินเป็นยังไงบ้างครับ!!??” 

                      ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ  แต่ว่ายังคงสลบอยู่  คงจะต้องรอซัก 2- 3วันก็คงฟื้น  หมอขอตัวนะครับ  ชายร่างสูงกล่าวลาพร้อมกับยิ้มให้กำลังใจ

       

      คยูฮยอนยังคงยืนอยู่แบบนั้นพร้อมกับรอยยิ้มที่ดีใจเมื่อรู้ว่าคนรักของตนเองปลอดภัย  แต่ทว่าเขายืนอยู่แบบนั้นได้ไม่นานนักก็ต้องเซถลาและใบหน้าหันไปพร้อมกับแรงเหวี่ยงหนักๆที่ลงกระทบกับใบหน้าคมนั่น

       

      เสียงฝ่ามือกระทบลงบนใบหน้าทำให้ซีวอนรวมทั้งพยาบาลที่ยังคงอยู่แถวนั้นประมาณคนสองคนหันมามองดูว่าเกิดอะไรขึ้น  ภาพที่ทุกคนได้เห็นคือ  ลี ฮยอกแจ  ใช้มือบางๆของตนเองตบลงที่ข้างแก้มของคยูฮยอนจนเลือดไหลออกจากมุมปาก  และตัวของคยูฮยอนเองก็เซลงไปนั่งกับเก้าอี้ตามเดิม  ผู้คนที่ไม่เกี่ยวข้องต่างก็พากันออกไปจากบริเวณนี้ ส่วนซีวอนที่กำลังคุยเรื่องห้องพักให้ซองมินอยู่นั้นก็ต้องรีบบอกแบบสรุปตัดบทและจัดการให้เร็วที่สุด  ก่อนจะรีบเดินเข้าไปหาทั้งสองคน  แต่ซีวอนก็ยังไม่กล้าที่จะแตะตัวของฮยอกแจ

       

                      นาย....ทำอะไร??”  คำถามเบาๆถูกปล่อยออกมาจากริมฝีปากที่สั่นระริกและน้ำเสียงแห้งผาก

      นาย..ทำอะไรอยู่!!??

      เออ..ฮยอกแจ....  ซีวอนพยายามพูดแทรกเพื่อให้ร่างบางสนใจตน  แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น

      นายทำบ้าอะไรอยู่ห๊ะ!!?? คยูฮยอน!!!”  มือเล็กๆสองข้างคว้าเข้าที่ไหล่ของคยูฮยอนอย่างสุดแรง  ซีวอนที่เห็นดังนั้นก็เอื้อมมือหมายที่จะห้ามแต่กลับถูกปฏิเสธและถูกผลักออก

      ไม่ต้องมายุ่งซีวอน!!!”  ร่างบางหันมาบอกกับร่างสูงก่อนจะหันกลับไปหาคยูฮยอนอีกครั้ง

      นายตอบมาสิคยูฮยอน!!  ตอบมา!! นายทำอะไรอยู่!!?? ทำไมนายไม่ดูแลเพื่อนฉัน!!!  ฮึก!!~”  คำพูดถูกกลืนหายไปพร้อมเสียงสะอื้นและหยดน้ำตามากมายที่ไหลรินลงมา

      ตอบมาสิ..ตอบมาว่าทำไม ฮึก~  นายไม่ดูแล... ซองมิน!!!”  แค่ชื่อที่ชายหนุ่มได้ยิน..  ก็ทำเอาน้ำตาที่กักเก็บไว้ร่วงลงมา  ทำให้ชายหนุ่มต้องพยายามเงยหน้าเพื่อไม่ให้มันไหลลงมาอีก  แต่ทว่าดูเหมือนมันจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย

       

      ซีวอนยืนมองภาพนั้นด้วยความสงสารและเศร้าใจ  และถ้าให้เทียบกันระหว่างซีวอนเองกับคยูฮยอนแล้ว  นับว่าซีวอนยังโชคดีกว่าคยูฮยอนมากเพราะเขาได้คุยกับคนที่นั่งอยู่ตรงนี้  ได้สัมผัสคนตรงนี้  ถึงคนๆนี้ยังคงโกรธเขาอยู่มาก  แต่ในขณะที่คยูฮยอน  แม้กระทั่งชื่อของเขาเองนั้นซองมินก็ยังไม่รู้ว่าเพื่อนสนิทของเขาชื่ออะไร  หนำซ้ำยังเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาในระหว่างวันคริสมาสต์ที่แสนสวยและทรงคุณค่าแก่การเก็บไว้ในความทรงจำ  แต่มันกลับกลายเป็นวันที่แสนโหดร้ายของคยูฮยอนไปแล้ว  หากคนที่มีจิตใจอ่อนแอก็คงจะทนไม่ไหวที่เกิดเรื่องแบบนี้  แต่เขารู้ดีว่าเพื่อนของเขาเข้มแข็งมากแค่ไหนและมั่นใจว่า  คยูฮยอนเองก็จะสามารถผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้เช่นกัน

       

                      ...เขาเชื่อแบบนั้น...

       

                      * * * * / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / * * * *

                      ช่วงวันเวลาที่แสนโหดร้ายได้ผ่านไป  แต่สำหรับคยูฮยอนนั้นมันยังคงเป็นอยู่เหมือนเดิม  เมื่อเขาได้รู้ว่าซองมินกลายเป็นเจ้าชายนิทราที่ยังคงหลับไหลอยู่บนเตียงสีขาวในห้องกว้างสี่เหลี่ยม  ความทรงจำที่แสนเลวร้ายสำหรับความรักครั้งแรกมันช่างโหดเหี้ยมสำหรับเขายิ่งนัก  แต่ถึงกระนั้นคยูฮยอนก็ได้บอกและให้คำมั่นสัญญากับฮยอกแจไว้ว่าไม่ว่าซองมินจะเป็นยังไงเขาก็ยังคงจะรักและดูแลซองมินต่อไปจนกว่าซองมินจะตื่นขึ้นจากการหลับไหลแม้ว่ามันจะนานแค่ไหนก็ตาม

       

                                      วันนี้เป็นไงบ้างวะ?  ซีวอนถามขึ้นเบาๆภายในห้องพักคนป่วย  ในขณะที่เพื่อนของเขากำลังห่มผ้าให้กับซองมิน

                                      เหมือนเดิม...  ไม่เปลี่ยนแปลง

                      คำตอบของคยูฮยอนดูเหมือนว่ามันจะสามารถครอบคลุมได้ในหลายๆความหมาย  ทั้งหมายถึงสภาพร่างกายของซองมิน  อาการปฏิกริยาที่ตอบสนอง  และความรักที่มีต่อซองมิน 

                                      แล้วมึงอ่ะ?  กับฮยอกแจเป็นไงบ้าง?  คยูฮยอนหันมาถามบ้าง  ก่อนจะเดินไปนั่งยังโซฟาตัวยาวภายในห้อง  ซีวอนเองก็เดินตามมานั่งด้วยเช่นกัน

                                      เหมือนเดิม..  ไม่เปลี่ยนแปลง  ซีวอนลอกเลียนคำตอบของเพื่อน  แต่ความหมายอาจจะต่างกันมากมาย

                                      ไอที่เหมือนเดิมเนี่ย.. คือฮยอกแจยังคงโกรธมึงอยู่ใช่มั้ย?  ร่างสูงขานตอบในลำคอเบาๆ

                                      แล้วไอที่ไม่เปลี่ยนแปลงเนี่ย..  คือมึงยังง้อฮยอกแจอยู่ใช่มั้ย?

                                      ถ้ามึงรู้แล้วจะถามซ้ำทำซากแมวที่บ้านรึไงวะ?  ซีวอนตีหน้าเครียดทันทีที่เพื่อนตนเองตอกย้ำกับสถานะภาพระหว่างเขากับฮยอกแจ  ที่ดูแล้วมันช่างเป็นไปได้ยากเหลือเกิน  แต่คยูฮยอนก็ได้แต่ขำกับเพื่อนที่หน้าตาดีแต่ไม่มีความคิดที่จะใช้ปัญญาแก้ปัญหาของตัวเอง

       

                                      ไอวอน~~~ กูจะบอกให้แบบไม่เอาบุญนะ  คยูฮยอนเปลี่ยนท่านั่งเป็นหันหน้าเข้าหาเพื่อนแทนเพื่อที่จะได้คุยกันง่ายๆ

                                      มึงก็รู้ใช่มั้ยว่าฮยอกแจเขาชอบมึง?  ซีวอนพยักหน้า  ที่ชอบก็อาจจะเป็นเพราะว่ามึงอ่ะ .. น่าตาดี หล่อ รวย เพอร์เฟค  ฉลาด  แต่ไม่รวมความโง่ในเรื่องความรัก

                                      อ่าว!!  เชี่ยนี่~~”  คนหน้าหล่อโผล่งขึ้นทันทีเมื่อรู้ตัวว่าแอบโดนด่าเน้นๆ

                                      มันคือเรื่องจริง  อย่าเถียงกู ต่อๆ ...  แต่เนื่องจากความโง่ในเรื่องความรักแล้ว  มึงก็ยังกวนตีนแบบไม่รู้สถานการณ์อีกด้วย อ๊ะๆ อย่าเถียงกู.. เพราะมันคือเรื่องจริง  คนที่กำลังจะอ้าปากเถียงก็หุบลงทันที

       

      ก็ใช่น่ะสิที่ว่ามันคือเรื่องจริง  ถ้าอยากเห็นตัวอย่างก็ลองนึกเอาที่ในตอนนั้นเขาไปกวนฮยอกแจแบบไม่ดูสถานการณ์ว่าฝ่ายตรงข้ามมาอารมณ์ไหน  ทั้งๆที่ฮยอกแจมาในโหมดอารมณ์โมโห  พอเขาพูดแบบกวนๆด้วยมันก็เลยเหมือนน้ำมันที่ราดลงกองไฟทำให้ไฟติดมากขึ้นกว่าเดิม  มันก็เลยทำให้การง้อ และการจีบ(อย่างหลังนี้เพิ่มมาทีหลัง)  ทำได้ยากมากขึ้นกว่าเดิม

       

                      ...สมควรแล้ว..  เล่นไม่รู้จักเวลาเอง...

       

                                      เดี๋ยวอีกไม่นานก็วาเลนไทน์แล้วนิ

                                      วาเลนไทน์.. แล้ว.. ทำไม?  คนฟังที่ได้ยินแบบนั้นก็แทบอยากจะทำให้ไอคนที่พูดได้นอนแบบซองมินบ้าง

       

      ...เพื่อนกู..  โง่จริงอะไรจริง (= =*)...

                                      ไอวอน..  เดี๋ยวงานนี้มึงจะวอนโดนตีนกู 

                                      เอ๊า!!ไอนี่นิ  กูถามดีๆนะเนี่ย

                                      แต่คำถามมึงนี่โง่เกินหน้าตาจริงๆ!!  เงียบไปเลยแล้วฟังกูอธิบาย  คนถูกด่าจำใจต้องฟังอย่างห้ามไม่ได้ขืนเถียงมันอีก  คงได้นอนโรงพยาบาลเป็นเพื่อนซองมินแน่ๆ

       

                                      วันนั้นอ่ะ  มึงก็ทำตัวให้ดีเหมือนหน้าตาหน่อยได้มั้ยวะ?  ไม่กวนตีนฮยอกแจซักวันคงไม่ขาดใจตายหรอก..  มึงอ่ะ..  ช่วยทำตัวให้เขาเห็นคุณค่าในตัวมึงหน่อยว่ามีดีอะไรบ้าง?  ไม่ใช่มีดีแต่หน้าตา  แต่นิสัยหมาไม่แดกแบบนี้  แล้วสมอง...  ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ  คนที่กำลังถูกด่าแบบไม่ทันตั้งตัวก็ยกมือขึ้นเป็นการห้ามชั่วคราว

                                      เดี๋ยวๆ  ขอเวลานอกสักครู่ครับคุณชายโจ...  ไม่ทราบว่าตกลงแล้วคุณชายจะให้กระผมทำอะไรครับ?  เท่าที่พูดมานั้นคุณมึงด่ากระผมทั้งนั้นเลยนะครับ  ช่วยสรุปให้มันได้ใจความหน่อยสิครับ

                                      แสดงว่ามึงมีปัญญาหลงเหลือนะนี่~ ดีมากๆ

       

       

      แมร่ง~  พูดมาตั้งยืดยาว สรุปด่ากูเน้นๆเลย  นี่ถ้าไม่เห็นว่ามันจะช่วยเรื่องฮยอกแจนะ.. ป่านนี้ตายค่ามือกูไปนานแล้วไอโจกี้เอ๊ย!!…

       

       

                                      โอเค.. ประเด็นคือ.. ลดระดับความกวนตีนมึงลงไปซะ  จบ

                                      แค่เนี่ย!!??!!”  การจบประประเด็นของคยูฮยอนทำให้ซีวอนต้องเผลอร้องออกมาด้วยความไม่เข้าใจ

                                      เฮ้ย!!~ เบาๆดิวะ  เดี๋ยวซองมินตื่น!~”  ในใจซีวอนอยากจะบอกเหลือเกินว่าเสียงดังยังไงก็ไม่ตื่นหรอก  แต่ไม่พูดดีกว่าเดี๋ยวสายสัมพันธ์มันจะขาดสะบั้นเอาแล้วมันจะเหงาเพราะไม่มีใครมาทำหน้าหล่อเป็นเพื่อนด้วย

                                      เอ้อๆ  แต่มึงจะให้กูทำแค่เนี่ย?

                                      ก็เออดิวะ... ถ้ามึงไม่ลด มึงก็รู้จักใช้มันให้เป็นประโยชน์บ้าง  ไม่ใช่ใช้มันกวนฮยอกแจไปวันๆ

                                      แล้วจะให้ทำยังไง?

                                      ง่ายๆ  ก็แบบนี้ไง.....   

       

      * * * * / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / * * * *

       

                      ร่างบางนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงภายในสมองก็คิดวนไปวนมาไม่รู้เรื่องอะไรต่ออะไรมากมาย  ยิ่งนึกถึงเรื่องที่เกี่ยวกับใครบางคนแล้วก็ยิ่งเครียดหนักจนแทบอยากจะตะโกนออกมาดัง  อยากจะไปยืนด่าต่อหน้าหล่อๆ  แต่มันก็เป็นเพียงแค่ความคิดเพราะยังไงก็ทำไม่ได้อยู่ดี  แน่ล่ะ.. ใครจะไปกล้าทำแบบนั้นต่อหน้าคนที่ชอบล่ะ?

                      ฮยอกแจเปลี่ยนจากการนอนเป็นท่านั่งโดยใช้หัวเตียงและมีหมอนนุ่มหนุนหลังอีกที  ส่วนหมอนอีกใบเจ้าตัวหยิบเอามากอดไว้เฉยๆ  คางแหลมวางลงบนหมอนอย่างชั่งใจ  ความคิดก็ยังคงวนเวียนต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่มีหยุด

       

                                      ที่ซีวอนทำแบบนี้กับเราเพราะอะไร?  เสียงหวานเอ่ยถามตนเองเบาๆด้วยความไม่เข้าใจ

       

                      หลายครั้งแล้วที่ซีวอนทำแบบนี้กับเขาไม่ว่าจะเป็นการพูดดี  ซื้อของมาให้  แกล้งบ้างในบางครั้ง  หรือแม้กระทั่งการสัมผัสร่างกายอย่างเช่นการจับมือหรือแม้กระทั่งการแอบหอมแก้มที่เขามักจะสวนกลับไปด้วยการตีหนักๆ  หรือต่อยเข้าที่แขน  แต่ถึงอย่างนั้นฮยอกแจก็ไม่ได้อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองเท่าไหร่ว่าซีวอนนั้นก็ชอบเขาเหมือนกัน  แม้จะแอบคิดบ้างเล็กน้อย  แต่ก็ไม่ได้หวังให้เป็นแบบนั้นซะทีเดียว  เพราะหากซีวอนคิดตรงข้าม  คนที่เจ็บก็คือตัวฮยอกแจเอง     

       

                                      แล้วฉันจะทำยังไงเนี่ย?  เฮ้อ!!!~~”              

                                                                                                                

                                                                                                                

      ถ้าซองมินอยู่ด้วย..  ก็คงจะดี                                  

       

                      เมื่อคิดได้เช่นนั้นฮยอกแจจึงลุกจากเตียงแต่งตัวให้เรียบร้อยเพื่อออกไปหาซองมินที่โรงพยาบาล  ถึงจะรู้ว่าไปถึงที่นั่นแล้วก็คงไม่ได้พูดคุยกัน  แต่อย่างน้อยได้ขอระบายให้เพื่อนได้รับรู้เสียหน่อย  และเพื่อเป็นกำลังใจให้กับตัวเองว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปในสถานการณ์อนาคตข้างหน้านี้ 

                      เมื่อมาถึงโรงพยาบาลฮยอกแจก็เดินตรงมายังห้องพักที่ซองมินอยู่  เมื่อร่างบางผลักเข้าไปก็พบว่าคยูฮยอนกำลังนั่งเล่นเกมอยู่ข้างๆเตียงสีขาวที่ตอนนี้ถูกปรับให้เอนขึ้นเพื่อให้ซองมินได้พิงนั่ง  ฮยอกแจเดินเข้าทักทายคยูฮยอนก่อนจะหันไปพูดทักทายกับเพื่อนของตนเองที่ตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนเตียง  แต่ดวงตาที่เคยสดใสนั้นถูกปิดบังไว้ด้วยเปลือกตาบาง  บนใบหน้าขาวยังคงไร้รอยยิ้มที่ร่าเริงเช่นเดิม

       

                                      เป็นไงบ้างอ่ะ คยูฮยอน?

                                      ก็...  เหมือนเดิมครับ  ไม่ว่าจะถามกี่วัน  กี่ครั้ง  คำตอบแบบเดิมๆที่มักจะได้กลับมาเมื่อถามถึงซองมิน  ทุกอย่างไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

       

                      ฮยอกแจเห็นว่าคยูฮยอนยกข้อมือเพื่อดูเวลาก่อนจะลุกขึ้นวางเกมส์ที่เล่นไว้บนโต๊ะ  และไปจัดแจงปรับเตียงให้กลับเป็นเหมือนเดิม

                                      ให้ซองมินนั่งนานแล้วหรอ?

                                      ครับ.. ก็เกือบชั่วโมงแล้ว  คนถามขานรับในลำคอเบาๆ

                      การกระทำของคยูฮยอนที่ฮยอกแจมองเห็นในตอนนี้ช่างดูอ่อนโยนและนุ่มนวลจนทำให้เขารู้สึกอิจฉาซองมิน  ถึงแม้ว่าในตอนนี้ซองมินจะมีสภาพแบบนี้แต่คยูฮยอนก็ยังคงที่จะรักและดูแลเพื่อนของเขาตลอดเวลา  ในแต่ละครั้งที่คยูฮยอนจับต้องซองมิน  เขาทำกับว่าร่างกายของซองมินนั้นเป็นเสมือนแผ่นแก้วบางๆที่ไม่สามารถจับรุนแรงได้เพราะเกรงว่าแก้วใบนั้นจะแตกสลายไป

       

      ...ทำไมซีวอนไม่ทำแบบนี้กับเราบ้าง?? แต่.. ทำไมต้องไปคิดถึงไอคนพรรคนั้นด้วยเนี่ย!!!!~~…

       

                                      ฮยอกแจจะอยู่กับซองมินก่อนรึเปล่าครับ? 

                                      อ่อ อื้มๆ

                                      ถ้าอย่างนั้นผมขอออกไปทำธุระข้างนอกก่อนนะครับ  ร่างบางพยักหน้ารับเบาๆและยิ้มให้เป็นคำตอบ 

                                                                                                                                 

                      หลังจากคยูฮยอนออกไปแล้วฮยอกแจจึงมานั่งลงข้างๆเตียงของซองมิน  มือบางเอื้อมมือไปจับมืออวบซีดดูไร้ชีวิตชีวามากุม  นิ้วเรียวลูบหลังมือของคนที่กำลังนอนอยู่บนเตียงเบาๆ

                                      นี่..ซองมิน..  เรามีเรื่องปวดหัวล่ะ  เสียงหวานพูดไปพร้อมทั้งใบหน้าที่ดูเคร่งเครียดเล็กน้อย

                      “ก็เพราะไอบ้าหน้าหล่อซีวอนนั่นแหละที่ทำให้เราต้องเครียดเนี่ย!!  เพราะอะไรน่ะหรอ?  ก็ดูหมอนั่นมันทำกะเราสิ  เดี๋ยวแกล้ง  เดี๋ยวพูดจาหวานๆ  หรือไม่ก็แอบ.. เออ..  หอมแก้มเราก็มี  ถามว่าดีใจมั้ยที่คนที่เราชอบทำแบบนี้กับเรา  มันก็น่าดีใจนะแต่ซองมิน...  ซีวอนเขาไม่เคยพูดอะไรกับเราเลยนะ  เราก็เลยไม่อยากคิดไปไกล  ... ซองมินก็รู้ว่าซีวอนเป็นคนขี้เล่นไม่จริงจัง...  หากเราคิดเองเออเอง... มันก็นะ... น่าลำบากใจเนอะ.. เฮ้อ~~  ร่างบางยกมืออวบขึ้นมาให้ทาบกับแก้มเนียนของตนเอง

      สายตาหวานจ้องมอใบหน้าเพื่อนอย่างเศร้าใจ 

       

                      ในตอนนี้เขาอยากมีใครสักคนที่สามารถให้คำแนะนำ  ให้ความช่วยเหลือในเรื่องอย่างนี้  ถ้าหากว่าซองมินยังเป็นแบบเมื่อก่อน  ในวันที่ซองมินยังพูดกับเขาได้  เล่นกับเขาได้  มันก็คงจะดีกว่านี้  ฮยอกแจมั่นใจว่ายังไงซองมินก็จะให้คำแนะนำที่ดีๆกับเขาแน่นอน  แต่ตอนนี้มันไม่ได้เป็นแบบนั้น  ซองมิน...  เพื่อนของเขานอนหลับอยู่บนเตียงอย่างไม่รู้สึกตัว  เขาไม่รู้ว่าทุกคำพูดที่พูดออกไปนั้นเพื่อนของเขาจะรับรู้ได้หรือเปล่านะ?  แต่อย่างน้อย.. ฮยอกแจเองก็ยังรู้สึกดีที่ว่าได้ระบายความในใจกับคนที่ตนเองไว้ใจมากที่สุด..

                     

                      คยูฮยอนกลับเข้ามาภายในห้องก็พบว่าฮยอกแจยังคงนั่งอยู่ที่เดิมที่ข้างๆเตียงสีขาวนั่น  ฮยอกแจเมื่อรู้ว่าใครเข้ามาก็หันใบยิ้มให้บางๆ  แต่ก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน  คยูฮยอนนำเครื่องดื่มและของกินบางอย่างที่ซื้อมาเอาไปเก็บไว้ในตู้เย็นก่อนจะกลับมานั่งที่โซฟาและเป็นฝ่ายเอ่ยพูดขึ้นก่อน

       

                                      “ฮยอกแจ... ยังรักซีวอนอยู่รึเปล่าครับ?”  คำถามแบบไม่มีหัวเรื่องถูกส่งมายังคนฟัง  ทำให้

      ฮยอกแจอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะตอบออกมา

                                      “ซีวอนให้นายมาถามหรอ?”

                                      “เปล่าครับ...  ผมเป็นคนคิดเองถามเอง”  คำตอบที่ได้รับมาแลดูเหมือนจะแอบกวนนิด  ทำให้ฮยอกแจคิดได้ข้อนึงว่า ..ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสองคนนี้ถึงเป็นเพื่อนกันได้  เพราะมันกวนประสาทเหมือนกันนี่เอง..

                                      “แล้วนายจะอยากรู้ไปทำไมล่ะ?  เอาเถอะ.. แต่ถึงอย่างนั้นนายก็เป็นเพื่อนของหมอนั่นไม่ใช่หรอ?  นายเองก็น่าจะรู้ในสิ่งที่เขาทำกับฉันนี่ว่าเป็นยังไง?  แกล้งทีเล่นจริงจนฉันคิดเดาไม่ถูกว่าเขารู้สึกยังไงกับฉัน?  .. แล้วอย่างนี้.. นายจะยังให้ฉันรักไอหมอนั่นอยู่อีกหรอ?”

                                      “แล้วรักมั้ยล่ะครับ?”  แม้จะพยายามเลี่ยงตอบหาเหตุผลมาอธิบายมากแค่ไหน  แต่คำถามเดิมก็ยังคงส่งมาถึงเขา 

       

                      ถามว่ารักซีวอนมั้ย?  ถ้าเป็นเมื่อก่อนฮยอกแจคงจะตอบออกมาแบบคิดนิดเดียวคือ รัก  แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบเมื่อก่อนแล้ว  ตั้งแต่เกิดเรื่องในตอนนั้นและเป็นแบบนั้นตลอดมาฮยอกแจก็เริ่มไม่มั่นใจในตัวเองจะรู้สึกกับซีวอนยังไงดี?  ถามว่าลึกๆแล้วรักมั้ย?.. เขาก็ยังคงรักเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง  แต่ที่เปลี่ยนแปลงคือการพูดคำว่ารักในตอนนี้นั้นมันยากเกินกว่าที่จะพูดออกมาอย่างง่ายๆ  ตอนนี้เขาต้องคิดเยอะๆ  คิดแล้วคิดอีกเพื่อให้ตัวเองแน่ใจว่าเมื่อเอ่ยออกไปแล้วคำตอบที่ได้กลับมานั้นจะไม่ทำให้ตัวเองต้องเจ็บมากเกินไป

       

                                      “แล้วที่ฉันต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะใครล่ะ?  ที่ยอมให้หมอนั่นทำขนาดนั้น.. นายคิดว่าฉันรู้สึกยังไงล่ะ?... ”  คยูฮยอนยังคงมองหน้าของเพื่อนซองมินที่ตอนนี้เขาเองก็บอกไม่ถูกหรอกว่าคนที่กำลังคุยด้วยอยู่นี้.. จะยิ้ม.. หรือจะร้องไห้กันแน่.. 

       

                                      “ถ้าไม่รัก...  ก็คงไม่ยอมให้เกินเลยแบบนี้หรอก”

                     

                      * * * * / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / * * * *

      “รัก” บางครั้งก็ดูเหมือนจะเข้าใจง่าย  แต่มันก็ไม่ได้ง่าย  เหมือนจะเข้าใจยาก  มันก็ไม่ยาก .. ทำไมมันถึงเป็นความรู้สึกที่ดูจะซับซ้อนดีเหลือเกินนะ?

       

      ฮยอกแจนั่งคิดนอนคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขามาตลอดสองเดือนที่ผ่านมา  ทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับซีวอน .. ฮยอกแจคงจะไม่สามารถปล่อยให้มันยืดเยื้ออกไปมากกว่านี้ไม่ได้เพราะมันอาจจะส่งผลไม่ดีกับตัวของฮยอกแจเอง  ดังนั้น.. การตัดบทนั้นถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วระหว่างตัวเขาและซีวอน 

       

                      “อืม... วันพรุ่งนี้สินะ..  14 กุมภาพันธ์  วันวาเลนไทน์งั้นหรอ??”  สายตาหวานพิจารณากับวันที่เขาชื่นชอบมากที่สุดวันหนึ่งที่นอกเหนือจากวันหยุด  แต่เมื่อถึงวันพรุ่งนี้ก็อาจจะไม่ได้ชอบมันเหมือนเดิม  เพราะวันแห่งความรักจะกลายเป็นวันปฏิเสธความรักสำหรับเขามากกว่า

                      “วันวาเลนไทน์มีแต่คนเขาจะบอกรักกัน คงจะมีแต่เราคนเดียวล่ะมั้ง ที่จะบอกไม่รักเนี่ย คิดแล้วตลกดีแหะ..เฮ้อ~  แต่ถ้าไม่ทำแบบนั้น...  ฉันก็คงจะทนต่อไม่ไหวหรอกนะ.. ซีวอน”

       

                      * * * * / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / * * * *

       

                                      “มึงก็ได้ยินแล้วไม่ใช่หรอวะไอวอน?”

                                      “อืม”

                                      “แล้วจะทำไงต่อ?”

                                      “ไม่รู้ดิ”

                                      “อ่าว!!?  ไอเชี่ยนี่!!!  นี่กูอุตส่าห์ลงทุนวิ่งลงไปตามมึงกลับขึ้นมาทั้งๆที่มึงจะขับรถออกจากโรงพยาบาลแล้วเพื่อที่จะได้ฟังในสิ่งที่ฮยอกแจพูด  แต่พอถึงตอนนี้มึงก็ยังไม่รู้อีกว่าจะทำยังไงกับความรักของมึงดี??  แล้วจะให้กูวิ่งลงไปตามมึงกลับมาเพื่อ!!?!??  คนโดนเทศน์ได้แต่เอามือกุมขมับตัวเองที่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปดี

       

                      สิ่งที่ฮยอกแจพูดมาทั้งหมดในตอนนั้นซีวอนได้ยินหมดทุกคำทุกประโยค ถ้าคยูฮยอนไม่ไปตามเขากลับมาก็คงไม่รู้หรอกว่าฮยอกแจนั้นต้องคิดมาก  น้อยใจและเจ็บปวดกับสิ่งที่เขาทำลงไปมากแค่ไหน  ซีวอนไม่เคยรู้เลยจนถึงตอนนี้  เขาไม่รู้ว่าการกระทำของเขานั้นจะต้องทำให้ใครบางคนต้องเจ็บมาก  ทั้งๆที่สิ่งที่ซีวอนทำลงไปกับฮยอกแจนั้นไม่ได้มีความหมายอื่นใดนอกจากเป็นเพราะรัก  ถึงได้ทำลงไป... แต่มันก็อาจจะเป็นอย่างที่คยูฮยอนเคยพูดกับซีวอนว่า  เขากวนเกินไป  ขี้เล่นเกินไป  จนทำให้ใครต่อใครก็เดาไม่ถูกว่าเรื่องที่ทำนั้นเป็นจริงเท็จอย่างไร  ซึ่งรวมถึงฮยอกแจด้วยที่เดาท่าทีนั้นไม่ถูก

       

      “แล้วมึงจะให้กูทำยังไงวะ?  แค่ได้ยินที่ฮยอกแจพูดออกมาก็ทำให้กูไม่กล้าที่จะไปเจอหน้าเขาแล้ว... “

      “มึงอย่ามามีอาการขี้คลาดแถวนี้ไอวอน!!  แค่มึงเดินไปหาฮยอกแจแล้วบอกว่า ผมรักคุณ แค่นั้น.... จบ ... ยากตรงไหน?”

                                      “โหย... ถ้ามึงคิดก็ง่ายอ่ะดิวะ!!  แต่กูเป็นคนทำนะโว้ย!!~

                                      “นี่.. ไอคุณชายครับ.. ทีแต่ก่อนล่ะกล้าที่จะแกล้งเขา  พูดจาหวานๆกับเขา  หรือแม้กระทั่งหน้าด้านขโมยหอมแก้มเขา.. แต่พอแค่จะไปพูดประโยคเดียวเสือกหน้าไม่ด้าน ชิ*หาย!!!!  คำพูดสมัยอดีตโบราณถูกสาดใส่คนฟังมาเป็นชุดๆ  ทำเอาหูชากันไปข้าง

       

                      อยากจะสวนออกไปบ้างเหลือเกินว่าทำไมมึงไม่เป็นคนทำเอง  แต่คิดแล้วก็อย่าดีกว่า แค่โดนเพื่อนมันบ่นก็หูชากันไปข้างแล้ว  ขืนพูดไปมีหวังหูหนวกทั้งสองข้างแน่นอน  ช่างเหอะ...  งานนี้เห็นทีคงต้องจัดการเองแล้วมั้ง?  ในเมื่อขอความช่วยเหลือจากไอคุณเพื่อนรักก็ดันมีแต่คำด่ากลับมา  เฮ้อ..  นี่สรุปว่ามันเป็นพ่อกูรึเปล่าวะ?  ด่าเก่งชิ*หาย~

       

                                      “เออๆ... มึงเลิกบ่นได้แล้ว แมร่ง~~  พ่อกูยังไม่เคยบ่นมากเท่ามึงเลยนะไอคยู  จะมีก็แค่เอารถไปซิงแล้วมีรอยยับกลับมาเท่านั้นแหละ...  มึงไม่ต้องพูด.. เรื่องนี้กูจัดการเองก็ได้”  ซีวอนรีบพูดขัดทันทีเมื่อเห็นว่าไอคุณเพื่อนรักกำลังจะส่งคำด่ามาเป็นอีกกระสอบ

                                      “แล้วมึงจะทำยังไง?”

                                      “ตามที่มึงบอกนั่นแหละ..  เดินไปบอกรัก.. ไม่รับรักกูก็ปล่ำแม่งเลย!!

                                      “ห่านี่... เลวว่ะ”

                                      “เหมือนมึงนั่นแหละ”

       

                      * * * * / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / * * * *

       

      วันนี้แทนที่จะมีความสุขได้ยิ้มเหมือนคนอื่นๆหรือคู่อื่นๆเขาบ้าง  แต่ร่างบางกลับต้องเศร้า  ไม่มีรอยยิ้ม  ไม่มีเสียงหัวเราะใดๆรับวัน  Valentine’s day  ความจริงก็ไม่อยากจะออกมาจากบ้านด้วยซ้ำ  แต่เนื่องด้วยว่า  เมื่อคืนนี้คยูฮยอนนัดเขาออกมาบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วยเกี่ยวกับซีวอน  ตอนแรกก็ปฏิเสธไปแต่อีกฝ่ายก็คะยั้นคะยอจนเขาต้องยอมตกลงแล้วออกมาหาในตอนเย็น  แต่ทว่าสภาพบรรยากาศด้านนอกนี่ทำให้ฮยอกแจรู้สึกอยากกลับบ้านในทันใด

       

       

      ...เกลียดวันแบบนี้จิรงๆเลยให้ตายเหอะ!!...

       

       

                      เมื่อฮยอกแจมาถึงยังที่นัดหมายก็พบว่าคนนัดเขาออกมานั้นยังไม่มาถึง  เขาจึงเดินไปนั่งยังม้านั่งที่ตั้งอยู่แถวๆนั้นเพื่อรอ  พอผ่านไปสักพักก็มีคนเรียกฮยอกแจจากทางด้านหลัง  และเมื่อหันไปก็พบกับคนที่ไม่ได้เป็นคนนัดเขาออกมา  เสียงหวานเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบาเพราะคนตรงหน้า

       

                                      “ซี..วอน...”  เจ้าของชื่อเพียงแต่ยิ้มให้  แต่อีกคนก็ยังคงไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นคนๆนี้  ทั้งๆที่คยูฮยอนเป็นคนนัดเขาออกมา

      “นาย...  มาทำธุระแถวนี้หรอ?”  พยายามสงบสติอารมณ์ไม่ให้ตื่นเต้นไปกว่านี้  แต่ความจริงแล้วทั้งๆที่เขาเองก็ตั้งใจว่าจะบอกเรื่องนั้นกับซีวอน  แต่พอเจอเข้าจริงๆกลับไม่กล้าที่จะพูดมันออกมา

      “คยูฮยอนเป็นคนนัดฮยอกแจให้ผมเอง”  ร่างสูงเลือกที่จะเป็นฝ่ายพูดความจริงก่อน  ทำให้ฮยอกแจต้องมองหน้าด้วยความไม่เข้าใจ  และดูเหมือนซีวอนเองก็จะสังเกตใบหน้าที่งุนงงนั้นได้จึงอธิบายต่อ

      “เพราะถ้าผมเป็นคนโทรหาเอง..  ฮยอกแจก็คงไม่ออกมาหาแน่นอน”  ถูกของซีวอนที่ต้องทำแบบนั้น  เพราะถ้าเป็นซีวอนโทรไปหา  เขาก็จะไม่ออกมา  แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว  ในเมื่อได้มาเจอกันแบบนี้ก็จะได้พูดกันไปเลยว่าฮยอกแจต้องการอะไร

      “ผมมีเรื่องจะพูดกับฮยอกแจ”

      “ฉันก็มีเหมือนกัน...”

      “งั้นผมให้ฮยอกแจพูดก่อน  เพราะผมจะพูดกับฮยอกแจแค่นิดเดียว”

       

      ...นิดเดียว..  งั้นหรอ?  ตกลงแล้วนายเห็นฉันเป็นแค่ของเล่นใช่มั้ย?..

                                      “ก็ได้...ฉันพูดก่อน”  เพราะคำพูดของซีวอนทำให้ฮยอกแจกล้าที่จะพูดออกในสิ่งที่ต้องการออกมาได้ทั้งหมดเพียงเพราะความน้อยใจที่เขาคิดเองว่าซ๊วอนเห็นเขาเป็นเพียงแค่ของเล่นชิ้นหนึ่งที่จะแกล้งและโยนทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้

                                      “ฉัน...  ต้องการให้นายเลิกเล่นกับฉันสักที  ชเว ซีวอน!!! 

                                      “ละ  เล่น??  หรอ??”  ประโยคของร่างบางก็ทำให้ซีวอนงงไม่น้อยไปกว่ากัน

                                      “ใช่.. เล่น.. ฉันถามนายจริงๆเถอะซีวอน  นายเห็นฉันเป็นอะไรสำหรับนาย?  นายคิดอยากจะแกล้งก็แกล้ง  อยากจะดีก็ดี  อยากจะ... ทำอะไรก็ทำ  นาย..  เห็นฉันเป็นอะไร?  ฉันไม่ใช่ตุ๊กตานะที่นายจะทำอะไรกับมันก็ได้ตามอำเภอใจนะ”  เสียงหวานเริ่มที่จะเบาลง  หยาดน้ำตาที่ไม่อยากให้เกิดก็เกิด  ความอ่อนแอที่ไม่อยากให้ใครเห็นก็ดันปะทุออกมาอย่างห้ามไม่ได้  ร่างสูงเห็นเช่นนั้นก็ค่อยก้าวเดินไปหา  มือหนาวางบนไหล่บางทั้งสองข้างหมายที่จะปลอบประโลม  แต่มือบางของฮยอกแจก็ยกขึ้นมาและเอามือข้างหนึ่งของซีวอนยกออกจากไหล่ของตนเอง

       

                                      “พอเถอะ..  หยุดมันแค่นี้  สิ่งที่นายทำกับฉัน..  นายหยุดซะ  ฉันขอร้อง”

                                      “แล้วถ้าผมไม่หยุดล่ะ?  ผมไม่ได้อยากหยุดในสิ่งที่ผมทำ  ผมอยากทำอะไรผมก็ทำ”  เสียงทุ้มเอ่ยเรียบของซีวอนทำให้ฮยอกแจต้องเงยหน้ามองด้วยความหงุดหงิดใจ

                                      “นี่!!  ชเว ซีวอน!!  ที่ฉันอธิบายให้นายฟังตั้งยืดยาวนายไม่เข้าใจเลยหรือไง ห๊ะ!!??

       

      ...ไอหมอนี่!!!  มันจะกวนตี*จนหยดสุดท้ายเลยใช่มั้ยวะ!!?...

       

                                      “ก็จะให้ผมเข้าใจได้ยังไงล่ะครับ?  ก็ในเมื่อสิ่งที่ผมทำไปผมทำกับคนที่ผมรัก”

       

      ...คน..  ที่รัก?...

       

                                      “นาย..  หมายความว่า..  ยังไง??”   แต่ดูเหมือนครั้งนี้คนที่งงจะเป็นฮยอกแจเองมากกว่าที่เริ่มจะไม่เข้าใจในความหมายของซีวอน  ร่างบางมองใบหน้าคมที่ครั้งนี้ดูจริงจังต่างไปจากเดิม  ไม่มีเค้าขี้เล่นหรือกวนประสาทแฝงอยู่เลยแม้แต่น้อย

                                      “ที่ผมแกล้ง..  ก็เพราะฮยอกแจน่ารัก”

       

      ...อะ  ไอบ้า!!  มาชมกันซึงๆหน้าได้ยังไงวะ!!??...

       

                                      “ที่ผมกวน..  เพราะผมอยากเห็นฮยอกแจยิ้มบ้าง”

       

      ...กวนซะฉันปวดหัวเนี่ยนะ?? แล้วมันจะยิ้มได้ยังไง!!??..

       

      “ที่ผมหอมแก้ม...”

      ...แล้วมันจะพูดประเด็นนี้ทำไมเนี่ย!!???....                                  

       

                                      “เพราะผมรักฮยอกแจ”

       

      ประโยคนี้ทำให้ฮยอกแจรู้สึกว่าหากตัวเองเป็นภูเขาไฟมันก็คงจะระเบิดจนไม่เหลือซากให้เห็นแล้วก็เป็นได้  เล่นพูดออกมาตรงๆแบบนี้ใครมันจะไปตั้งรับไว้  แต่ในเมื่อตั้งรับตอนนี้ไม่ได้  ก็ขอถอยกลับไปตั้งรับที่บ้านใหม่แล้วค่อยว่ากัน

       

                                      “อะ  เออ..  ฉันต้องกลับแล้ว.. มีงานต้องทำ”  ก้มหน้าก้มตาพูดเพราะความอาย  ถ้าเงยหน้าตอนนี้มีหวังไอผู้ชายหน้าหล่อนี่คงต้องล้อแน่ๆ  ว่าแล้วก็รีบผลักตัวให้ออกห่างจากวงแขนนั่นอย่างรวดเร็ว  แต่มีหรือที่คนอย่างชเว  ซีวอนจะยอมง่ายๆ  วงแขนแกร่งก็รั้งตัวร่างบางให้เขามาอยู่ในอ้อมแขนเหมือนเดิม  แต่ระยะห่างอาจะไม่เหมือนเดิมเท่าไหร่

                                      “ปะ  ปล่อยนะ!!  เสียงที่เอ่ยออกไปก็เริ่มติดขัด  พูดไม่ค่อยจะออก  หน้าแดงๆที่เงยขึ้นมาด้วยความเผลอไผลทำให้คนมองถึงกับอมยิ้ม

                                      “จะปล่อยได้ยังไง?  ในเมื่อฮยอกแจยังไม่บอกผมบ้างเลย”

                                      “บ  บอกอะไรเล่า!!?

                                      “ก็บอกรักผมไง~

       

      ...โอ๊ยย!!~~  ไอบ้าชเวเอ้ย!!  คิดถูกมั้ยเนี่ยที่ฉันมารักนายเนี่ย!!?...

       

                                      “ก็ฉันเคยบอกไปแล้วไง”

                                      “เอ๋... ตอนไหนครับ?”

                                      “ก็ตอนนั้นไง”

                                      “ฮยอกแจครับ.. ถ้าฮยอกแจไม่พูด.. ผมจะทำโทษฮยอกแจนะ”

       

      ...ทำโทษ??  ทำโทษอะไรของมันฟระ!!?... 

       

                      ไม่ต้อรอให้อธิบายอะไรต่ออีก  ริมฝีปากอุ่นก็แนบลงกับแก้มใสข้างหนึ่งอย่างไม่รีรอให้ต้องถามต่อ

                                      “เฮ้ย!!!  นายจะมา……!!?  มือบางยกขึ้นปิดแก้มที่เพิ่งโดนขโมยหอมไปเมื่อกี้อย่างรวดเร็ว

                                      “ถ้ายังไม่บอก.. จะโดนอีกข้างนะครับ”

                                      “นี่!!  ปล่อยเลยนะ  อ๊ะ!!!  ไม่ต้องพูดอีกเป็นครั้งที่สอง  จูบอุ่นๆก็นาบลงบนแก้มอีกข้างหนึ่งทันที

                                      “ผมพูดจริงทำจริงนะ...  จะบอกได้หรือยัง??”

                                      “ถ...  ถ้าบอกแล้วนายห้ามทำโทษอีก!!  แน่ล่ะ.. หมดทางต่อกรแล้ว ขืนไม่พูดไปก็มีแต่เสียเปรียบไอหน้าหล่อนี่อย่างเดียวเลย

                      ฮยอกแจจ้องใบหน้าคมที่ตอนนี้อยู่ใกล้เกินกว่าจะคาดคำนวณระยะห่างได้  ใบหน้าคมที่ตอนนี้กำลังอมยิ้มอย่างมีความสุขที่ได้แกล้งเขา  ในขณะที่ตัวฮยอกแจนั้นกลับบึ้งตึงเพราะโดนไอคนที่กำลังยิ้มกรุ่มกริ่มเอาเปรียบเกินพิกัด  เสียงทุ้มเร่งเร้าให้ฮยอกแจต้องรีบบอกออกไปก่อนที่จะโดนทำโทษอีกเป็นครั้งที่สาม

       

                                      “ก็ได้ๆ!!!  ใบหน้าหวานก้มลงต่ำเพราะไม่กล้าพูดต่อหน้าตรงๆ

                                      “ฉัน..  ก็รัก ... นาย” 

                                      “ว่ายังไงนะครับ?  ผมไม่ได้ยินเลย”                       

       

      ...โอ๊ยย!!!!  ไอหมอนี่!!...

       

                                      “ฉันรักนาย  ได้ยินรึยังห๊ะ!!??  แทนที่จะได้ยินคำที่ฟังดูแล้วเสนาะหู  แต่กลับเป็นเสียงหัวเราะแทน  ทำเอาร่างบางหน้าตึงทันที

                                      “โอเค!!  ยังไงความรู้สึกฉันมันก็เป็นแค่ของเล่... อุ๊บ~

       

                      ไม่ทันจะจบประโยคคำพูดนั้นก็หายไปพร้อมกับความอบอุ่นบนริมฝีปากที่ได้รับ  จูบที่แสนอบอุ่นและอ่อนโยนถูกมอบให้อย่างไม่ทันตั้งตัว  มือบางกำชายเสื้อของร่างสูงแน่น  ความตกใจและตื่นเต้นปนเปกันจนแยกไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร  ลมหายใจที่ถูกช่วงชิงไปใกล้หมดลงทำให้มือบางต้องทุบอกแกร่งเบาๆทำให้ร่างสูงต้องถอนจูบออกไปอย่างอ้อยอิ่ง  สายตาคมจ้องมองใบหน้าหวานที่ตอนนี้แดงก่ำซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเขินอายหรือเพราะหายใจไม่ทันกันแน่  มือหนายกขึ้นเช็ดน้ำตาที่หางตาเรียวอย่างเบามือ

       

                                      “ทีหลังอย่าพูดคำว่า “ของเล่น” กับผมอีกนะครับ  สำหรับฮยอกแจ..  ฮยอกแจไม่ใช่ของเล่นของผม  แต่ฮยอกแจเป็นคนรักของผม  เข้าใจมั้ยครับ?”  ร่างบางได้แต่เพียงพยักหน้าเบาๆ

                                      “ไหนบอกว่าจะไม่ทำโทษไง?”  เสียงหวานเอ่ยออกมาอย่างแห้งผาก

                                      “ทำโทษ?  ผมไม่ได้ทำนะครับ.. ทำโทษเมื่อกี้ผมแค่หอมแก้ม  แต่ที่ผมทำเมื่อกี้ผมจูบนะ”

                                      “นะ  นั่นแหละ!!  จะทำทำไม!!?

                      “ช่างเถอะๆ.. ถือซะว่าเป็นจูบรับวันวาเลนไทน์ไงครับ  อืม~  ไหนๆก็มี Valentine’s day แล้ว.. มันก็ต้องมี Valentine’s kiss ด้วยสิครับ.. ถึงจะเข้ากัน.. เนอะ?”  พูดจบก็รวบร่างบางเข้าไปกอดอย่างที่

      อยากทำมานานใบหน้าคมเต็มไปด้วยความสุขที่อยากจะตะโกนออกมาดังๆให้ โลกได้รับรู้และให้ โจ  คยูฮยอนได้ยินว่า กูทำได้แล้วโว้ย!!’ 

       

      ...เหอะ..  ฉันจะเข้าทางเสียเปรียบนายน่ะสิไม่ว่า!!  นี่ถ้าไม่รักนาย.. คงไม่ยอมให้ทำแบบหรอก ไอคุณชายชเว...

       

      ส่วนฮยอกแจที่ตอนนี้แม้ว่าจะรู้สึกดีใจที่เขาได้ความรักจากคนที่แอบชอบมานานมาเป็นของตัวเอง  แต่ในใจก็อดที่จะตระหนักถึงเรื่องในอนาคตไม่ได้อยู่ดีว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง  และดูแล้วเขาก็คงจะไม่รอดพ้นกับการเป็นตุ๊กตาให้ซีวอนได้เล่นตามอำเภอใจอีกแน่นอน  แต่อย่างน้อย.. เขาก็สามารถมั่นใจได้ว่าซีวอนไม่ได้ล้อเล่นกับความรู้สึกของเขาเหมือนแต่ก่อนแล้ว

       

      ซองมิน.. เราได้รักจากซีวอนแล้วนะ.. ส่วนนาย.. ก็รีบฟื้นเร็วๆนะ จะได้มารับความรักจากคยูฮยอนด้วย

       

       

      ~END~

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×