Valentine's Kiss
ผู้เข้าชมรวม
258
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
...คิกๆ ป่านนี้ซองมินคงจะยืนอายอยู่ตรงนั้นแน่ๆเลย ฮ่าๆ ปากแข็งดีนัก...
“คนเรานี่ก็แปลกนะครับ หัวเราะคนเดียวก็ได้ด้วย” เสียงทุ้มดังขึ้นจากด้านหลังของร่างบาง ทำให้เขาต้องหันกลับไปมองว่าเป็นใครที่บังอาจมาแซวความอารมณ์ดีของเขา แต่แล้วก็ต้องตกใจและหยุดเดินเมื่อรู้ว่าเขาคนนั้นเป็นใครกัน
“นะ นาย!!!” ร่างบางอุทานออกมาอย่างตกใจ “มาได้ไงเนี่ย!!??!” คนที่ได้ยินนั้นถึงกับต้องขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัย
“ผมก็เดินมาสิครับ ถามแปลกๆ”
“แต่นายจะเดินตามฉันมาทำไม!!??”
“ผมเนี่ยนะ? ตามคุณ..??” ร่างสูงถามกลับอย่างงงๆ
“ก็ใช่นะสิ ..”
“หลงตัวเองไปหรือเปล่าครับ?” แต่ประโยคสวนกลับของร่างสูงทำเอาฮยอกแจหน้าแดงเพราะความโกรธปนอาย สมองเริ่มจะประมวลผลหาคำด่าออกมาไม่ทัน
“อะ อะ ไอบ้า!!! ฉันไม่ได้หลงตัวเองซะหน่อย” ด่าจบก็หันหน้าหนีทันที ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอายตัวเองที่พูดไปแบบนั้น หรือเพราะเขินกับสายตาที่จ้องมองมา
...หน่อย!! มาหาว่าฉันหลงตัวเองหรอ!!?? เปล่าซะหน่อย!! ชริๆ!!~...
สายตาคมจ้องมองและอมยิ้มกับท่าทีของคนที่กำลังโกรธเขาอยู่อย่างห้ามไม่ได้ มือบางกำแน่นกับสายกระเป๋าสะพายข้างที่ดูเหมือนพยายามสะกัดอารมณ์โกรธ ใบหน้าขาวเนียนที่ตอนนี้กำลังขึ้นสีน่าชวนมอง เรียวปากบางที่หยักโค้งขึ้นและเคลื่อนไหวซึ่งอาจจะเป็นเพราะกำลังบ่นอะไรสักอย่างอยู่
ถ้าอยากจะสัมผัสมือบางคู่นั้น... จะนุ่มหรือเปล่านะ?
ถ้าอยากจะสัมผัสใบหน้าเนียนนั้น... มันจะมีกลิ่นหอมหรือเปล่านะ?
แล้ว... ถ้าอยากสัมผัสริมปากบางนั้น... มันจะรู้สึกยังไง?
ยืนนานๆก็เริ่มจะรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังโดนจ้องมองจากที่ไหนซักแห่ง เมื่อหันไปก็พบว่าหนุ่มหน้าหล่อระดับคนดังของมหาลัยนาม ‘ชเว ซีวอน’ ที่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นเดือนมหาลัยก็เถอะ แต่ทว่ากลับมีหญิงชายติดตรึมมากกว่าเดือนมหาลัยเสียอีก ซึ่งมันก็รวมถึงตัวเขาเองด้วยที่แอบชื่นชอบผู้ชายคนนี้ มันก็หน้าดีใจอ่ะนะที่คนที่ตัวเองชอบมายืนมองแบบนี้ แต่ว่าใครมันจะไปทนไหวล่ะ? สายตาคมที่ดูเหมือนจะมองทะลุปุโปร่งไปทั่วร่างราวกับว่ากำลังสำรวจร่างกายก็ไม่ปาน ทำเอาก้อนเนื้อที่อยู่ในอกข้างซ้ายเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ นี่ถ้าตัวเขาเป็นก้อนน้ำแข็งล่ะก็... มีหวังคงจะละลายกลายเป็นของเหลวและระเหยเป็นไอน้ำล่องละลอยอยู่ในอากาศไปนานแล้ว!!
“มองอะไร?”
“เปล่านี่ครับ...” ร่างสูงตอบยิ้มๆ
“แล้วจะมองทำไม?”
“ก็แค่อยากมอง….” ร่างสูงหยุดเว้นวรรคและอมยิ้มมุมปาก ก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้คนฟังอยากจะหาอะไรมาประทับบนใบหน้าหล่อๆนี่เหลือเกิน “…คนน่ารัก…”
“ไปมองแมวที่บ้านไป!!” ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าดี จึงได้แต่พูดส่งๆออกไปให้มันจบๆ แต่ทว่ายิ่งพูดยิ่งเข้าหาตัวเอง
“แต่แมวที่บ้านไม่น่ารักเหมือนฮยอกแจนี่ครับ”
...อ๊ากก!!!~~ ไอหมอนี่มันอยากตายด้วยรองเท้าเบอร์ 8 เสริมส้น(?)หรือไงฟระ!?!?...
เมื่อสมองเริ่มประมวลผลไม่ทันก็เริ่มที่จะหาทางถอยกลับไปตั้งหลัก
กลับบ้าน.. ดีที่สุด!!!!
ไม่ต้องรอให้พูดจาว่ากล่าวกันต่อร่างบางก็หันหลังและเดินกลับบ้านทันที ทำเอาคนที่เพิ่งจะหยอดคำแซวเมื่อกี้หุบยิ้มและเดินตามร่างบางไป ด้วยความรู้สึกผิดเล็กๆกับการหยอดคำหวานแบบแรงๆ(?)ออกไป สายตาคมมองตามแผ่นหลังบางไปตลอดทาง และหวังว่าคนข้างหน้านี้จะหันกลับมาพูดอะไรกับเขาสักนิดเพื่อที่จะทำให้รู้สึกดีใจขึ้นมาเล็กน้อยก็ยังดี และดูเหมือนว่าคำขอในใจของเขาจะเป็นจริงเมื่อร่างบางหันกลับมา แม้ว่ามันจะไม่มีรอยยิ้มเลยก็ตามที
“จะตามมาอีกนานมั้ย?” ฮยอกแจถามเสียงเข้มที่ทำให้ร่างสูงคิดดูแล้วว่ามันไม่เข้ากับหน้าตาที่หวานๆเลยสักนิดเดียว
“ก็... จนกว่าฮยอกแจหายโกรธผม”
“โกรธ?.. เรื่องอะไร?” ถามจบก็หลบสายตาหนี ไม่กล้าที่จะจ้องนานๆ
“ก็เรื่อง…เมื่อกี้.. ผมคิดว่าฮยอกแจคงจะโกรธผม...”
...ไม่โกรธหรอกนะไอเรื่องเมื่อกี้น่ะ แค่เขินเฉยๆ แล้วจะมาจ้องฉันทำไมเนี่ย!!!??...
“ถ้าเรื่องแค่นั้น.. นายคิดว่ามันจะทำให้ฉันโกรธ นายก็คงจะมีสมองน้อยมากๆ” ไม่ได้ด่านะ.. แค่เปรียบเทียบเฉยๆ “เอาไว้นายลักลอบทำร้ายหรือผลักฉันตกบันไดก่อน แล้วค่อยมาถามฉันว่าโกรธมั้ยก็แล้วกัน”
ฮยอกแจยืนรอรถอยู่ได้สักพักก็เห็นว่ารถที่ตนเองกำลังรออยู่นั้นกำลังจะมาในอีกไม่ช้า เขาจึงหันไปบอกกับคนที่ติดตามมาแบบที่เขาไม่ตั้งใจให้มาว่าจะกลับแล้วแต่ดูเหมือนว่าจะยังไม่ยอมไปเสียเท่าไหร่ แถมยังทำท่าเหมือนจะมีเรื่องพูดต่อด้วยซ้ำไป
“ฮยอกแจบอกผมว่า...ผมต้องทำร้ายฮยอกแจก่อนใช่มั้ยครับ? แล้วผมถึงค่อยมาถามฮยอกแจว่าโกรธหรือเปล่า?”
“อะ อืม” ...ถามแบบนี้จะมาไม้ไหนอีกวะเนี่ย?...
“ถ้าอย่างนั้น.....”
ร่างสูงหยุดพูดไป ก่อนที่จะทำในสิ่งที่ฮยอกแจคิดว่าคงจะไม่มีทางเกิดขึ้นระหว่างตัวเองและคนที่เขาชอบแน่นอน เพราะมันเป็นสิ่งที่ฮยอกแจคิดว่ามันห่างไกลที่สุดและไม่มีวันเกิดขึ้นจริง แต่ทว่าในวันนี้ ตอนนี้ และ ณ เวลานี้ ทั้งหมดมันกลับตรงกันข้ามกับความคิดของฮยอกแจ เมื่อจู่ๆ ริมฝีปากได้รูปของซีวอนประทับลงบนแก้มเนียนของเขาอย่างรวดเร็วและไม่ทันตั้งตัว
“กลับบ้านดีๆนะครับ แล้วพรุ่งนี้ผมจะมาถามว่าโกรธผมหรือเปล่า? บายๆ~” พูดจบแบบรวดเร็วภายในลมหายใจและไม่ต้องรอให้ฮยอกแจพูดอะไรต่อเจ้าตัวก็ชิ่งหนีวิ่งไปไกลเกินกว่าที่จะตามทัน และกว่าฮยอกแจจะรู้สึกตัว เจ้าคนที่ขโมยหอมแก้มเขาก็ไปไกลลับสายตาแล้ว เขาจึงได้แต่ก่นด่าสาปแช่งในใจไอคนที่ขโมยหอมแก้มเขาเมื่อกี้หนีอย่างหัวเสีย
...ไอชเว ซีวอน!!!! มันหอมแก้มฉัน... อะ อะ ไอบ้า!!! ไอ ไอ...ย๊ากกกกกกกก!!!! ...
..แบบนี้.. เขาเรียกว่ากรรมตามทันหรือเปล่านะ?..
* * * * / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / * * * *
เช้าวันใหม่หนุ่มหน้าหล่อคนดังอย่างซีวอนเดินหิ้วกระเป๋ามาอย่างอารมณ์ดี ทำให้เพื่อนสนิทของเขาอดที่จะเอ่ยปากแซวเพื่อนไม่ได้
“แหม~ วันนี้คุณชายชเวอารมณ์ดีตอนเช้า.. สงสัยพายุหิมะคงเข้าแหะ”
“ทำไมวะ? อารมณ์ดีแล้วแปลก?”
“ก็เออดิ.. ร้อยวันพันปีไม่เคยจะเห็นมึงยิ้มตอนเช้าอ่ะ”
“ขนาดนั้นเลยหรอวะ? ไอคยูฮยอน” ซีวอนถามกลับอย่างไม่น่าเชื่อ เป็นไปได้หรอที่ว่าเขาจะไม่เคยยิ้มในตอนเช้า??
“โหย….ถ้าที่ผ่านมามึงยิ้มนะ ป่านนี้ฮยอกแจเป็นแฟนกูไปนานแล้ว.. เฮ้ยๆ!!! กูล้อเล่น!!” อ้างอิงถึงฮยอกแจได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีชายหนุ่มหน้าตาดีก็เกือบที่จะได้สิ้นลมอยู่ที่เก้าอี้มหาลัยด้วยวัยเพียงแค่ 22 ปี เนื่องจากซีวอนเตรียมพร้อมที่จะยกเท้าที่ห่อหุ้มด้วยรองเท้ายี่ห้อดังอย่างกุชชี่และกระเป๋าหลุยส์แสนแพงของตนเองทับถมลงที่เพื่อนอย่างตั้งใจ
“วันนี้ไปหาซองมินป่ะเนี่ย” ถามพลางทิ้งตัวนั่งลงบนม้านั่งและหยิบงานที่อาจารย์สั่งเมื่ออาทิตย์ที่แล้วมาทำก่อนที่จะส่งในอีก 2 ชั่วโมงจากนี้ ส่วนคนถูกถามก็ขานตอบในลำคอเบาๆ
“แล้วเมื่อวานเป็นไงบ้างล่ะ?” ซีวอนยังคงถามต่อ
“ก็...ดี” คำตอบพร้อมอมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทำให้ซีวอนอดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้ “แล้วมึงอ่ะ?ได้ข่าวว่ากลับพร้อมกันไม่ใช่หรอ?” ร่างสูงไม่ตอบแต่กลับอมยิ้มในชนิดที่ว่าแสดงความมั่นใจสูงส่ง
“แถมยังไปหอมแก้มฮยอกแจอีกด้วยใช่มั้ยล่ะ? มึงถึงได้อารมณ์ดีแบบนี้อ่ะ?”
ประโยคต่อมาทำให้ซีวอนต้องเงยหน้าจากหนังสือและมองเพื่อนด้วยความสงสัยว่าไปรู้มาได้ยังไง? ในเมื่อเมื่อวานมีเขากับฮยอกแจแค่สองคน และมั่นใจว่ามีแค่เขาสองคนเท่านั้นจริงๆ
“รู้ได้ไงวะไอคยูฮยอน!!?”
แต่ในความเป็นจริงแล้ว.. ซีวอนอาจจะลืมไปว่าสถานที่ที่พวกเขาอยู่ในตอนนั้น มันเป็นสถานที่สาธารณะที่ใครๆก็สามารถผ่านไปมาได้!
“เอาเป็นว่าเขาพูดกันให้ทั่วมหาลัยแล้วเหอะ!!”
* * * * / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / * * * *
แม้จะเป็นแค่เพียงช่วงเวลาไม่ถึงสามวินาที แต่ความอุ่นร้อนของมันกลับติดตรึงไม่จางหายจนถึงตอนนี้ มือบางเผลอยกขึ้นสัมผัสกับแก้มใสของตนเองอย่างลืมตัว และยิ่งนึกถึงเวลาในตอนนั้นใบหน้าเนียนก็ขึ้นสีอย่างห้ามไม่ได้
...อ๊ากก!!! นี่แกคิดอะไรของแกเนี่ยฮยอกแจ!!!...
“เป็นไรฮยอกแจ?” ซองมินถามขึ้นเมื่อเห็นว่าท่าทางของเพื่อนดูแปลกๆ “ไม่สบายหรือเปล่าเนี่ย? หน้าแดงๆนะ“ มืออวบยื่นมาแตะบนหน้าผากของร่างบางเพื่อวัดไข้
“ก็ไม่ได้เป็นไรนิ” แต่ใบหน้าของซองมินก็ยังคงแสดงความสงสัยไม่เสื่อมคลาย
“เอาน่าๆ ช่างเถอะซองมิน ไปทานข้าวกันดีกว่า หิวแล้วๆ” ฮยอกแจพยายามเปลี่ยนเรื่องและเอาของกินมาหลอกล้อร่างอวบ เพื่อที่จะไม่ต้องสงสัยอะไรมากไปกว่านี้ว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ทั้งสองเดินเรื่อยๆมายังโรงอาหาร แต่ว่าตลอดทางเดินกลับมีสายตาจากคนอื่นๆที่เดินผ่านทอดมองมายังพวกเขา ยิ่งเป็นพวกผู้หญิงหากกระโดดขย้ำได้เขาก็คงจะโดนไปแล้ว และเมื่อทั้งสองมาถึงยังจุดหมาย เดินผ่านโต๊ะไหน ผ่านคนไหน หรือใครเดินผ่านก็ยิ่งมองเยอะกว่าเก่าจนซองมินเริ่มจะรู้สึกอึดอัดกับสายตาที่มองมา แม้ร่างอวบจะหันไปถามเพื่อนแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบมาเช่นเดียวกัน พวกเขาจึงไม่สนใจและเดินดูว่าวันนี้จะทานอะไรกันดี แต่ทว่าแทนที่จะได้กินกลับมีเรื่องที่ต้องให้ปวดหัวก่อนซะงั้น
ระหว่างที่พวกเขากำลังเดินนั้นก็มีผู้หญิงกลุ่มหนึ่งประมาณ 2-3 คนเดินสวนมาทางพวกเขา และมันจะไม่เกิดเรื่องถ้าหากว่าผู้หญิงคนหนึ่งในสามคนนั้นไม่แกล้งเดินชนและทำน้ำหกใส่ฮยอกแจ
“อุ๊ย!!!~ ตายแล้ว!! ขอโทษด้วยนะที่ทำน้ำหกใส่” หญิงสาวพูดออกมาแบบที่ดูแวบเดียวก็รู้แล้วว่านี่มันแกล้งกันชัดๆ!!
“นี่เธอตั้งใจชัดๆนี่!!!” ซองมินออกตัวก่อนเพื่อน เพราะเห็นๆอยู่ว่าแก้วน้ำมีฝาปิด แต่เธอเอาออกและใส่น้ำซะเต็มแก้ว แถมตอนที่ชนกันก็ไม่ได้แรงถึงขนาดที่น้ำมันจะหกออกมาเยอะจนทำให้เสื้อเปียกขนาดนี้
“ตั้งใจ? ตรงไหนไม่ทราบ?” หญิงสาวคนเดิมยังคงยืนยันความบริสุทธิ์ว่าเธอไม่ได้ตั้งใจอยู่
“ช่างเหอะซองมิน ไปทานข้าวกันดีกว่า เปียกแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวก็แห้ง” ฮยอกแจเอ่ยออกมาว่าไม่เป็นไรจริงๆ หญิงสาวที่ได้ยินดังนั้นก็หัวเราะนิดๆกับแผนการแกล้งนั้นสำเร็จ แต่ฮยอกแจก็ใช่ว่าจะเป็นคนที่ยอมคนเสียเมื่อไหร่ เมื่อเขาเปียก คนทำ.. ก็ต้องเปียกด้วย
คิดดังนั้นร่างบางก็เดินไปยังโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆซึ่งมีแต่ผู้ชายนั่งอยู่ ฮยอกแจโปรยยิ้มชนิดที่เรียกว่าใครเห็นก็หลงพร้อมกับทำเสียงออดอ้อนให้หนุ่มๆแถวนั้นได้ใจยวบยาบไปตามเสียง
“หิวน้ำอ่ะ.. แก้วนี้.. ขอนะ” ว่าจบก็ขยิบตาให้กับเจ้าของแก้ว ทำเอาแทบหายใจไม่ทัน หยอดคำหวานกันอยู่ได้สักพักก็กลายเป็นเสียงกรีดร้องของหญิงสาวคนเดิม เมื่อฮยอกแจตั้งใจสาดน้ำจากในแก้วใส่หล่อน ถ้าเป็นชนิดที่ไม่มีสีจะไม่ว่า แต่นี่... สีแดงแจ่มชัด
“อ๊ะ!! โทษทีนะ แก้วมันลื่นอ่ะ”
“นะ นี่แกแกล้งฉันหรอ?!!” เธอถามด้วยน้ำเสียงโกรธจัด และมือของเธอและของเพื่อนต่างก็ช่วยกันซับน้ำออกให้ แต่ถึงแม้จะซับน้ำออก แต่ดูเหมือนว่าสีแดงของน้ำมันจะไม่ออกตามไปด้วย
“ก็บอกแล้วไงว่าแก้วมันลื่น หึหึหึ!!~ ไปล่ะ” พูดแค่นั้นก็เดินออกมาทันทีไม่รอให้หญิงสาวได้ก่นด่าอะไรต่อไปอีก ส่วนซองมินก็ได้แต่หัวเราะกับฮยอกแจที่ทำแบบนั้น
เมื่อรบสงครามเสร็จก็เริ่มจะหิวมากขึ้นกว่าเดิม ทั้งสองเดินหาอะไรเพื่อทานไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังคงรู้สึกว่ามีสายตาจ้องมองเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งสองตกลงกันเรียบร้อยแล้วว่าจะทานอะไรกัน จึงไปยืนรอต่อคิวเพื่อซื้อ แต่ทว่ากลับมีบางสิ่งที่ได้ยินลอยเข้าหูมาและทำให้การต่อคิวรอซื้ออาหารต้องเป็นอันจบไป
“นี่ๆ ได้ยินเขาลือกันเปล่า? ที่ว่าคุณชายซีวอนไปจูบกับฮยอกแจที่ป้ายรถเมล์น่ะ?” เสียงของหญิงสาวนางหนึ่งเอ่ยขึ้นจากแถวร้านข้างๆ
และเมื่อซองมินได้ยินแบบนั้นก็หันมามองหน้าเพื่อนอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ไม่ต้องเอ่ยปากถาม ฮยอกแจก็รู้แล้วว่าต้องตอบว่าอย่างไร
“แค่ ‘หอมแก้ม’ ไม่ได้ ‘จูบ’” ร่างบางตอบแก้ต่างเบาๆ ก่อนที่จะพูดประโยคถัดมาด้วยน้ำเสียงที่ซองมินยังฟังแล้วน่ากลัว
“แต่ตอนนี้... ฉันจะไปฆ่าไอหน้าหล่อนั่นก่อน!!!”
...หน่อย!!! ไอหน้าหล่อ!! งานนี้ฉันฆ่านายแน่!!! แค่เรื่องที่นายขโมยหอมแก้มฉันยังไม่เคลียร์เลยนะเฟ้ย!!!...
* * * * / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / * * * *
ชเว ซีวอนยังคงนั่งทำหน้าหล่ออย่างไม่รู้ชะตากรรมตนเองว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขารู้เพียงแค่ว่าตอนนี้กำลังจามอย่างห้ามไม่ได้ จนเพื่อนต้องบ่นออกมาว่ารำคาญคนจะทำงาน
“ไอซีวอน!!! ไปจามไกลๆดิ รำคาญว่ะ!!!”
“ฮัดชิ๊ว!!! แล้วกูห้ามได้มั้ยล่ะ? ใครแม่งนินทากูวะ!!?!”
“ฉันเอง!!!” เสียงหนึ่งโผล่งขึ้นมาแบบไร้ทิศทางทำให้ชายหนุ่มทั้งสองต้องหันไปตามเสียงนั้น ที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังของซีวอน
“ฮยอกแจ!!!” ร่างสูงเอ่ยขึ้นอย่างตกใจก่อนจะกลับเป็นปกติ “เออ.. มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
“นายใช่มั้ย!!?!? ที่เป็นคนไปป่าวประกาศว่าฉันถูกนาย....” ร่างบางถามออกมาอย่างเสียงดังก่อนจะเบาลงในท้ายๆประโยคเพราะไม่กล้าพูด แต่มันก็พอทำให้ร่างสูงเข้าใจว่าคนตรงหน้านี้กำลังหมายถึงอะไร?
ซีวอนเปลี่ยนท่านั่งให้หันมาทางฮยอกแจ และพูดปฏิเสธด้วยท่าทางที่สบายๆ
“ผมเปล่านะครับฮยอกแจ~ ผมเองก็ยังงงอยู่เลยว่าทำไมพวกเขาถึงได้รู้กัน” แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้ทำให้ร่างบางรู้สึกดีไปด้วย และยังคงเป็นซีวอนฝ่ายเดียวที่ยังคงพูดอยู่
“ว่าแต่... ตอนนี้ผมสามารถถามฮยอกแจได้หรือยังครับว่าโกรธผมหรือเปล่า?” ร่างสูงถามยิ้มๆแต่คนถูกถามไม่ได้ยิ้มตามไปด้วย
“ดีใจรึไง? ที่นายสามารถทำให้ฉันโกรธนายได้”
“ครับ.. ก็นิดนึง ผมจะได้ง้อฮยอกแจไง~”
“สนุกมากใช่มั้ย? ชเว ซีวอน” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาเรียบๆ และใบหน้าที่นิ่งเฉยมันเริ่มทำให้ร่างสูงรู้สึกถึงความผิดปกติที่เริ่มก่อตัวขึ้นมาทีละน้อยๆ
“ตอบมาสิว่านายกำลังสนุกกับการทำให้ฉันโกรธนายได้ นายกำลังดีใจที่กำลังจะได้ง้อฉันให้ยกโทษให้นายได้ และนายยังสามารถทำให้คนทั้งมหาลัยรู้ว่านายสามารถทำแบบนี้กับฉันได้”
น้ำเสียงที่เริ่มแข็งขึ้นทำให้ซีวอนลุกขึ้นยืนและก้าวข้ามม้านั่งหินอ่อนที่กำลังนั่งอยู่ออกไปยืนตรงหน้าร่างบาง สายตาคมมองดวงตาเรียวเล็กที่ตอนนี้กำลังฉายแววโกรธเคืองอย่างเห็นได้ชัด มือหนาค่อยๆเอื้อมไปกอบกุมกับมือบางที่ตอนนี้กำลังกำแน่นเพื่อพยายามสะกดอารมณ์ความโกรธ
“เออ.. มันไม่ใช่อย่างนั้นนะฮยอกแจ ผม...”
“ช่างเถอะ..” ร่างบางโบกมือปัดๆ เพื่อบ่งบอกว่าไม่เป็นไร ส่วนอีกมือหนึ่งที่กำลังถูกกอบกุมอยู่นั้นก็พยายามฝืนให้ร่างสูงปล่อยมือตนเองออกจนมันเป็นอิสระ
“ฮยอกแจ....” ซีวอนยังคงเรียกชื่อด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงและไม่ติดตลกแบบในตอนแรกเลยสักนิดเดียว ดวงตาเรียวเล็กเงยขึ้นมองสบกับคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่ผิดหวังในตัวผู้ชายคนนี้สุดๆ ซึ่งซีวอนเองก็รู้สึกได้ถึงความรู้สึกนั้น
“ฉันไม่โกรธนายหรอก ชเว ซีวอน” ร่างบางถอนหายใจ ก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้ร่างสูงขอรับความผิดทั้งหมดรวมถึงความผิดของคนที่ปล่อยเรื่องที่เขาหอมแก้มฮยอกแจไปคนเดียว ความผิดที่เขาเอาความรู้สึกของคนอื่นมาล้อเล่น ความผิดที่ทำให้คนที่เขารู้สึกดีด้วยเสียใจ ความผิดที่เขาทำให้ดวงตาที่สดใสหมองลงไปในทันใด
“และจำไว้ด้วยว่า..ฉันเป็นแค่คนที่ ‘’เคย” รักนายคนหนึ่ง แต่ตอนนี้.. ไม่อีกแล้ว”
ดวงตาซุกชน.. ที่เขาหลงรักตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบ
รอยยิ้มสดใส.. ที่เขาหลงรักตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น
แต่ตอนนี้.. เขาเป็นคนทำให้มันหายไปเพียงชั่วพริบตาเดียว
* * * * / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / * * * *
ว่ากันว่า “การง้อ” เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการที่จะทำให้คนรักของเรานั้นหายโกรธเรา ไม่ว่าจะง้อด้วยวิธีใดๆก็ตาม อย่างเช่น ไปหาและพยายามคุยกับเขาทุกวัน ซื้อของไปให้พร้อมกับหยอดคำหวานนิดๆ แสดงความเป็นห่วงด้วยการโทรไปหา หรือแม้กระทั้งแกล้งโกหกว่าป่วย เพื่อที่จะทำให้คนที่เราง้อหันมาคุยกับเราตามเดิม แต่ดูเหมือนว่าทุกสิ่งที่พูดมาจะตรงกันข้ามกับผู้ชายที่ชื่อ ชเว ซีวอน ทั้งหมด!!!
“กูจะทำยังไงดีวะไอโจ!!~~ฮยอกแจเขาโกรธกูหนักกว่าเดิมอีกอ่ะ!!!” ร่างสูงแทบจะเอามือทึ้งผมตัวเอง
“สมน้ำหน้า!!! แล้วใครบอกให้มึงไปโกหก!!” ชายหนุ่มไม่ช่วยแถมยังตอกย้ำกับความผิดพลาดของเพื่อนหน้าหล่อที่ใช้ความคิดสั้นไปหลอกฮยอกแจแบบนั้น “หน้าตาก็ดี แต่เสือกโง่~”
“หูย!!~ ครับๆ ไอคุณชายสุดหล่อ รวย เพอร์เฟค แต่เสือกไม่ฉลาดในการจีบหญิง!!! แค่ไม่เจอซองมินวันเดียวกลายเป็นหมาหงอยเลยนะมึง!!~” ซีวอนจิกกัดเพื่อนเบาๆพอเป็นพิธี แต่คยูฮยอนก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากหนักเพราะอย่างน้อยเขาก็กล้าพอที่จะเข้าไปคุยกับซองมินก่อน
“ก็ยังดีกว่ามึงล่ะวะ ที่เสือกใช้ความคิดโง่ๆไปหลอกฮยอกแจอ่ะ”
เนื่องจากสองวันก่อน ซีวอนได้บอกให้คยูฮยอนไปบอกกับฮยอกแจว่าเขาไม่สบายนอนอยู่ที่ห้องพยาบาล เพราะเขามั่นใจว่าถ้าหากคนที่รักป่วยหรือไม่สบาย เป็นใครใครก็ต้องกังวลและรีบไปหาให้เร็วที่สุด ซึ่งฮยอกแจเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ยอมรีบไปหาซีวอนหลังจากได้รู้ข่าวจากซองมิน เมื่อฮยอกแจไปถึงก็พบร่างสูงนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล เมื่อไถ่ถามอาการว่าเป็นอะไรยังไงซีวอนก็บอกหมด แต่ทว่าความดีใจกลับทำให้ทุกอย่างพังลงมาอีกครั้งเมื่อซีวอน ‘เผลอ’ พูดไปว่า
“ถ้าผมรู้ว่าฮยอกแจเป็นห่วงผมขนาดนี้ ผมก็คงจะทำให้ตัวเองป่วยไปตั้งนานแล้วล่ะ”
เท่านั้นแหละ....
ไม่ต้องถามอะไรให้เสียเวลา เพราะเห็นๆและได้ยินกันอย่างชัดแจ่มแจ้งไม่ต้องหาคำบรรยายเพิ่มอีกว่าผู้ชายคนนี้โกหกเขา สายตาเรียวเล็กจ้องมองใบหน้าคมด้วยความโกรธที่มีมากกว่าเดิม ก่อนจะลุกขึ้นและมีเสียงปิดประตูดังโครมใหญ่ดังตามขึ้นมาท่ามกลางความเงียบภายในห้องพยาบาล ซึ่งโชคดีว่าในตอนนั้นไม่มีอาจารย์และนักศึกษามานอนป่วยอยู่ไม่งั้นคุณชายหน้าหล่อคงโดนประณามหาว่าไม่มีมารยาทผู้ดีไปแล้ว
“แล้วกูจะทำยังไงดีวะไอคยูฮยอน!!??~~” ร่างสูงฟุบใบหน้าอันหล่อเหลาลงกับแขนตัวเอง
“คิดเองดิ ได้ข่าวว่าเรื่องที่มึงไปหอมแก้มฮยอกแจก็ยังไม่เคลียร์เลยไม่ใช่หรอวะ?” ได้ยินเพียงแค่นั้นก็เหลือบมองเพื่อนตนเองอย่างเคืองๆ
...แมร่ง!~ ไม่ช่วยกูคิดแล้วยังเสือกมาตอกย้ำกันอีกนะมึง!!!~...
* * * * / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / * * * *
และเมื่อใกล้ถึงวันสำคัญอย่างวันคริสมาสต์ เรื่องราวที่ไม่น่าจะเกิดก็เกิดเมื่อซีวอนโทรมาบอกเขาว่าซองมินโดนรถชนและตอนนี้กำลังอยู่ที่โรงพยาบาลกับคยูฮยอน เมื่อฮยอกแจได้ยินดังนั้นก็รีบออกไปหาในทันทีและพบว่าซองมินยังคงอยู่ในห้อง ICU ที่หน้าห้องพบว่าคยูฮยอนกำลังนั่งกุมมือของตัวเองอยู่ที่เก้าอี้อย่างเคร่งเครียด และซีวอนที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆเพื่อนซึ่งทั้งคู่มีสีหน้าที่เครียดไม่แพ้กัน
“ซองมินล่ะ?” ร่างบางเอ่ยถามขึ้นโดยไม่เจาะจงว่าจะถามใคร
“ยังไม่ออกมาเลยครับ” ซีวอนเป็นคนตอบคำถาม “เข้าไปได้เกือบ 2 ชั่วโมงแล้ว” สายตาคมเห็นว่าร่างบางของเขายังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ก้าวเดินออกไปทางไหน เขาจึงลุกขึ้นไปหาและค่อยๆยื่นมือไปจับกับมือบางเบาๆเพื่อไม่ให้คนตรงหน้าตกใจ
“ไม่เป็นไรนะครับฮยอกแจ?” ซีวอนถามเบาๆ เขาพบว่าร่างบางนี้กำลังอยู่ในอาการตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ดวงตาเริ่มแดงก่ำและน้ำตาเริ่มคลอ และเพียงแค่เขารั้งร่างบางเข้ามาในอ้อมกอด น้ำตาก็ไหลออกมาราวกับเขื่อนแตกในทันที เสียงสะอื้นถูกปลดปล่อยออกมา ทำให้ร่างสูงได้ยินในสิ่งที่ฮยอกแจพูดไม่ชัดมากนัก เท่าที่เขาสามารถจับใจความได้คือ ‘ซองมิน’ ชื่อของคนที่กำลังอยู่ในห้อง ICU
ซีวอนพาคนที่กำลังร้องไห้อยู่เป็นระยะไปนั่งเก้าอี้ที่อยู่ถัดออกไปจากของคยูฮยอนวงแขนแกร่งยังคงโอบประคองร่างบางให้อยู่ในอ้อมกอดตลอดเวลาราวกับกลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับคนๆนี้ดั่งเช่นซองมิน
ผ่านไปเกือบๆ 5 ชั่วโมงสำหรับการรอคอยที่แสนยาวนาน ชายร่างสูงในชุดกาวน์สีเขียวสำหรับการผ่าตัดได้ก้าวออกมาจากห้องทำให้ทั้งสามลุกขึ้นพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย แน่นอนว่าคนที่เดินเข้าไปถามไถ่อาการได้เร็วที่สุดคือ คยูฮยอน นั้นก็เพราะความเป็นห่วงคนรักของเขา
“ซองมินเป็นยังไงบ้างครับ!!??”
“ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ แต่ว่ายังคงสลบอยู่ คงจะต้องรอซัก 2- 3วันก็คงฟื้น หมอขอตัวนะครับ” ชายร่างสูงกล่าวลาพร้อมกับยิ้มให้กำลังใจ
คยูฮยอนยังคงยืนอยู่แบบนั้นพร้อมกับรอยยิ้มที่ดีใจเมื่อรู้ว่าคนรักของตนเองปลอดภัย แต่ทว่าเขายืนอยู่แบบนั้นได้ไม่นานนักก็ต้องเซถลาและใบหน้าหันไปพร้อมกับแรงเหวี่ยงหนักๆที่ลงกระทบกับใบหน้าคมนั่น
เสียงฝ่ามือกระทบลงบนใบหน้าทำให้ซีวอนรวมทั้งพยาบาลที่ยังคงอยู่แถวนั้นประมาณคนสองคนหันมามองดูว่าเกิดอะไรขึ้น ภาพที่ทุกคนได้เห็นคือ ลี ฮยอกแจ ใช้มือบางๆของตนเองตบลงที่ข้างแก้มของคยูฮยอนจนเลือดไหลออกจากมุมปาก และตัวของคยูฮยอนเองก็เซลงไปนั่งกับเก้าอี้ตามเดิม ผู้คนที่ไม่เกี่ยวข้องต่างก็พากันออกไปจากบริเวณนี้ ส่วนซีวอนที่กำลังคุยเรื่องห้องพักให้ซองมินอยู่นั้นก็ต้องรีบบอกแบบสรุปตัดบทและจัดการให้เร็วที่สุด ก่อนจะรีบเดินเข้าไปหาทั้งสองคน แต่ซีวอนก็ยังไม่กล้าที่จะแตะตัวของฮยอกแจ
“นาย....ทำอะไร??” คำถามเบาๆถูกปล่อยออกมาจากริมฝีปากที่สั่นระริกและน้ำเสียงแห้งผาก
“นาย..ทำอะไรอยู่!!??”
“เออ..ฮยอกแจ....” ซีวอนพยายามพูดแทรกเพื่อให้ร่างบางสนใจตน แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น
“นายทำบ้าอะไรอยู่ห๊ะ!!?? คยูฮยอน!!!” มือเล็กๆสองข้างคว้าเข้าที่ไหล่ของคยูฮยอนอย่างสุดแรง ซีวอนที่เห็นดังนั้นก็เอื้อมมือหมายที่จะห้ามแต่กลับถูกปฏิเสธและถูกผลักออก
“ไม่ต้องมายุ่งซีวอน!!!” ร่างบางหันมาบอกกับร่างสูงก่อนจะหันกลับไปหาคยูฮยอนอีกครั้ง
“นายตอบมาสิคยูฮยอน!! ตอบมา!! นายทำอะไรอยู่!!?? ทำไมนายไม่ดูแลเพื่อนฉัน!!! ฮึก!!~” คำพูดถูกกลืนหายไปพร้อมเสียงสะอื้นและหยดน้ำตามากมายที่ไหลรินลงมา
“ตอบมาสิ..ตอบมาว่าทำไม ฮึก~ นายไม่ดูแล... ซองมิน!!!” แค่ชื่อที่ชายหนุ่มได้ยิน.. ก็ทำเอาน้ำตาที่กักเก็บไว้ร่วงลงมา ทำให้ชายหนุ่มต้องพยายามเงยหน้าเพื่อไม่ให้มันไหลลงมาอีก แต่ทว่าดูเหมือนมันจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย
ซีวอนยืนมองภาพนั้นด้วยความสงสารและเศร้าใจ และถ้าให้เทียบกันระหว่างซีวอนเองกับคยูฮยอนแล้ว นับว่าซีวอนยังโชคดีกว่าคยูฮยอนมากเพราะเขาได้คุยกับคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ ได้สัมผัสคนตรงนี้ ถึงคนๆนี้ยังคงโกรธเขาอยู่มาก แต่ในขณะที่คยูฮยอน แม้กระทั่งชื่อของเขาเองนั้นซองมินก็ยังไม่รู้ว่าเพื่อนสนิทของเขาชื่ออะไร หนำซ้ำยังเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาในระหว่างวันคริสมาสต์ที่แสนสวยและทรงคุณค่าแก่การเก็บไว้ในความทรงจำ แต่มันกลับกลายเป็นวันที่แสนโหดร้ายของคยูฮยอนไปแล้ว หากคนที่มีจิตใจอ่อนแอก็คงจะทนไม่ไหวที่เกิดเรื่องแบบนี้ แต่เขารู้ดีว่าเพื่อนของเขาเข้มแข็งมากแค่ไหนและมั่นใจว่า คยูฮยอนเองก็จะสามารถผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้เช่นกัน
...เขาเชื่อแบบนั้น...
* * * * / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / * * * *
ช่วงวันเวลาที่แสนโหดร้ายได้ผ่านไป แต่สำหรับคยูฮยอนนั้นมันยังคงเป็นอยู่เหมือนเดิม เมื่อเขาได้รู้ว่าซองมินกลายเป็นเจ้าชายนิทราที่ยังคงหลับไหลอยู่บนเตียงสีขาวในห้องกว้างสี่เหลี่ยม ความทรงจำที่แสนเลวร้ายสำหรับความรักครั้งแรกมันช่างโหดเหี้ยมสำหรับเขายิ่งนัก แต่ถึงกระนั้นคยูฮยอนก็ได้บอกและให้คำมั่นสัญญากับฮยอกแจไว้ว่าไม่ว่าซองมินจะเป็นยังไงเขาก็ยังคงจะรักและดูแลซองมินต่อไปจนกว่าซองมินจะตื่นขึ้นจากการหลับไหลแม้ว่ามันจะนานแค่ไหนก็ตาม
“วันนี้เป็นไงบ้างวะ?” ซีวอนถามขึ้นเบาๆภายในห้องพักคนป่วย ในขณะที่เพื่อนของเขากำลังห่มผ้าให้กับซองมิน
“เหมือนเดิม... ไม่เปลี่ยนแปลง”
คำตอบของคยูฮยอนดูเหมือนว่ามันจะสามารถครอบคลุมได้ในหลายๆความหมาย ทั้งหมายถึงสภาพร่างกายของซองมิน อาการปฏิกริยาที่ตอบสนอง และความรักที่มีต่อซองมิน
“แล้วมึงอ่ะ? กับฮยอกแจเป็นไงบ้าง?” คยูฮยอนหันมาถามบ้าง ก่อนจะเดินไปนั่งยังโซฟาตัวยาวภายในห้อง ซีวอนเองก็เดินตามมานั่งด้วยเช่นกัน
“เหมือนเดิม.. ไม่เปลี่ยนแปลง” ซีวอนลอกเลียนคำตอบของเพื่อน แต่ความหมายอาจจะต่างกันมากมาย
“ไอที่เหมือนเดิมเนี่ย.. คือฮยอกแจยังคงโกรธมึงอยู่ใช่มั้ย?” ร่างสูงขานตอบในลำคอเบาๆ
“แล้วไอที่ไม่เปลี่ยนแปลงเนี่ย.. คือมึงยังง้อฮยอกแจอยู่ใช่มั้ย?”
“ถ้ามึงรู้แล้วจะถามซ้ำทำซากแมวที่บ้านรึไงวะ?” ซีวอนตีหน้าเครียดทันทีที่เพื่อนตนเองตอกย้ำกับสถานะภาพระหว่างเขากับฮยอกแจ ที่ดูแล้วมันช่างเป็นไปได้ยากเหลือเกิน แต่คยูฮยอนก็ได้แต่ขำกับเพื่อนที่หน้าตาดีแต่ไม่มีความคิดที่จะใช้ปัญญาแก้ปัญหาของตัวเอง
“ไอวอน~~~ กูจะบอกให้แบบไม่เอาบุญนะ” คยูฮยอนเปลี่ยนท่านั่งเป็นหันหน้าเข้าหาเพื่อนแทนเพื่อที่จะได้คุยกันง่ายๆ
“มึงก็รู้ใช่มั้ยว่าฮยอกแจเขาชอบมึง?” ซีวอนพยักหน้า “ที่ชอบก็อาจจะเป็นเพราะว่ามึงอ่ะ .. น่าตาดี หล่อ รวย เพอร์เฟค ฉลาด แต่ไม่รวมความโง่ในเรื่องความรัก”
“อ่าว!! เชี่ยนี่~~” คนหน้าหล่อโผล่งขึ้นทันทีเมื่อรู้ตัวว่าแอบโดนด่าเน้นๆ
“มันคือเรื่องจริง อย่าเถียงกู ต่อๆ ... แต่เนื่องจากความโง่ในเรื่องความรักแล้ว มึงก็ยังกวนตีนแบบไม่รู้สถานการณ์อีกด้วย อ๊ะๆ อย่าเถียงกู.. เพราะมันคือเรื่องจริง” คนที่กำลังจะอ้าปากเถียงก็หุบลงทันที
ก็ใช่น่ะสิที่ว่ามันคือเรื่องจริง ถ้าอยากเห็นตัวอย่างก็ลองนึกเอาที่ในตอนนั้นเขาไปกวนฮยอกแจแบบไม่ดูสถานการณ์ว่าฝ่ายตรงข้ามมาอารมณ์ไหน ทั้งๆที่ฮยอกแจมาในโหมดอารมณ์โมโห พอเขาพูดแบบกวนๆด้วยมันก็เลยเหมือนน้ำมันที่ราดลงกองไฟทำให้ไฟติดมากขึ้นกว่าเดิม มันก็เลยทำให้การง้อ และการจีบ(อย่างหลังนี้เพิ่มมาทีหลัง) ทำได้ยากมากขึ้นกว่าเดิม
...สมควรแล้ว.. เล่นไม่รู้จักเวลาเอง...
“เดี๋ยวอีกไม่นานก็วาเลนไทน์แล้วนิ”
“วาเลนไทน์.. แล้ว.. ทำไม?” คนฟังที่ได้ยินแบบนั้นก็แทบอยากจะทำให้ไอคนที่พูดได้นอนแบบซองมินบ้าง
...เพื่อนกู.. โง่จริงอะไรจริง (= =*)...
“ไอวอน.. เดี๋ยวงานนี้มึงจะวอนโดนตีนกู”
“เอ๊า!!ไอนี่นิ กูถามดีๆนะเนี่ย”
“แต่คำถามมึงนี่โง่เกินหน้าตาจริงๆ!! เงียบไปเลยแล้วฟังกูอธิบาย” คนถูกด่าจำใจต้องฟังอย่างห้ามไม่ได้ขืนเถียงมันอีก คงได้นอนโรงพยาบาลเป็นเพื่อนซองมินแน่ๆ
“วันนั้นอ่ะ มึงก็ทำตัวให้ดีเหมือนหน้าตาหน่อยได้มั้ยวะ? ไม่กวนตีนฮยอกแจซักวันคงไม่ขาดใจตายหรอก.. มึงอ่ะ.. ช่วยทำตัวให้เขาเห็นคุณค่าในตัวมึงหน่อยว่ามีดีอะไรบ้าง? ไม่ใช่มีดีแต่หน้าตา แต่นิสัยหมาไม่แดกแบบนี้ แล้วสมอง...” ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ คนที่กำลังถูกด่าแบบไม่ทันตั้งตัวก็ยกมือขึ้นเป็นการห้ามชั่วคราว
“เดี๋ยวๆ ขอเวลานอกสักครู่ครับคุณชายโจ... ไม่ทราบว่าตกลงแล้วคุณชายจะให้กระผมทำอะไรครับ? เท่าที่พูดมานั้นคุณมึงด่ากระผมทั้งนั้นเลยนะครับ ช่วยสรุปให้มันได้ใจความหน่อยสิครับ”
“แสดงว่ามึงมีปัญญาหลงเหลือนะนี่~ ดีมากๆ”
…แมร่ง~ พูดมาตั้งยืดยาว สรุปด่ากูเน้นๆเลย นี่ถ้าไม่เห็นว่ามันจะช่วยเรื่องฮยอกแจนะ.. ป่านนี้ตายค่ามือกูไปนานแล้วไอโจกี้เอ๊ย!!…
“โอเค.. ประเด็นคือ.. ลดระดับความกวนตีนมึงลงไปซะ จบ”
“แค่เนี่ย!!??!!” การจบประประเด็นของคยูฮยอนทำให้ซีวอนต้องเผลอร้องออกมาด้วยความไม่เข้าใจ
“เฮ้ย!!~ เบาๆดิวะ เดี๋ยวซองมินตื่น!~” ในใจซีวอนอยากจะบอกเหลือเกินว่าเสียงดังยังไงก็ไม่ตื่นหรอก แต่ไม่พูดดีกว่าเดี๋ยวสายสัมพันธ์มันจะขาดสะบั้นเอาแล้วมันจะเหงาเพราะไม่มีใครมาทำหน้าหล่อเป็นเพื่อนด้วย
“เอ้อๆ แต่มึงจะให้กูทำแค่เนี่ย?”
“ก็เออดิวะ... ถ้ามึงไม่ลด มึงก็รู้จักใช้มันให้เป็นประโยชน์บ้าง ไม่ใช่ใช้มันกวนฮยอกแจไปวันๆ”
“แล้วจะให้ทำยังไง?”
“ง่ายๆ ก็แบบนี้ไง.....”
* * * * / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / * * * *
ร่างบางนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงภายในสมองก็คิดวนไปวนมาไม่รู้เรื่องอะไรต่ออะไรมากมาย ยิ่งนึกถึงเรื่องที่เกี่ยวกับใครบางคนแล้วก็ยิ่งเครียดหนักจนแทบอยากจะตะโกนออกมาดัง อยากจะไปยืนด่าต่อหน้าหล่อๆ แต่มันก็เป็นเพียงแค่ความคิดเพราะยังไงก็ทำไม่ได้อยู่ดี แน่ล่ะ.. ใครจะไปกล้าทำแบบนั้นต่อหน้าคนที่ชอบล่ะ?
ฮยอกแจเปลี่ยนจากการนอนเป็นท่านั่งโดยใช้หัวเตียงและมีหมอนนุ่มหนุนหลังอีกที ส่วนหมอนอีกใบเจ้าตัวหยิบเอามากอดไว้เฉยๆ คางแหลมวางลงบนหมอนอย่างชั่งใจ ความคิดก็ยังคงวนเวียนต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่มีหยุด
“ที่ซีวอนทำแบบนี้กับเราเพราะอะไร?” เสียงหวานเอ่ยถามตนเองเบาๆด้วยความไม่เข้าใจ
หลายครั้งแล้วที่ซีวอนทำแบบนี้กับเขาไม่ว่าจะเป็นการพูดดี ซื้อของมาให้ แกล้งบ้างในบางครั้ง หรือแม้กระทั่งการสัมผัสร่างกายอย่างเช่นการจับมือหรือแม้กระทั่งการแอบหอมแก้มที่เขามักจะสวนกลับไปด้วยการตีหนักๆ หรือต่อยเข้าที่แขน แต่ถึงอย่างนั้นฮยอกแจก็ไม่ได้อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองเท่าไหร่ว่าซีวอนนั้นก็ชอบเขาเหมือนกัน แม้จะแอบคิดบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้หวังให้เป็นแบบนั้นซะทีเดียว เพราะหากซีวอนคิดตรงข้าม คนที่เจ็บก็คือตัวฮยอกแจเอง
“แล้วฉันจะทำยังไงเนี่ย? เฮ้อ!!!~~”
…ถ้าซองมินอยู่ด้วย.. ก็คงจะดี…
เมื่อคิดได้เช่นนั้นฮยอกแจจึงลุกจากเตียงแต่งตัวให้เรียบร้อยเพื่อออกไปหาซองมินที่โรงพยาบาล ถึงจะรู้ว่าไปถึงที่นั่นแล้วก็คงไม่ได้พูดคุยกัน แต่อย่างน้อยได้ขอระบายให้เพื่อนได้รับรู้เสียหน่อย และเพื่อเป็นกำลังใจให้กับตัวเองว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปในสถานการณ์อนาคตข้างหน้านี้
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลฮยอกแจก็เดินตรงมายังห้องพักที่ซองมินอยู่ เมื่อร่างบางผลักเข้าไปก็พบว่าคยูฮยอนกำลังนั่งเล่นเกมอยู่ข้างๆเตียงสีขาวที่ตอนนี้ถูกปรับให้เอนขึ้นเพื่อให้ซองมินได้พิงนั่ง ฮยอกแจเดินเข้าทักทายคยูฮยอนก่อนจะหันไปพูดทักทายกับเพื่อนของตนเองที่ตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนเตียง แต่ดวงตาที่เคยสดใสนั้นถูกปิดบังไว้ด้วยเปลือกตาบาง บนใบหน้าขาวยังคงไร้รอยยิ้มที่ร่าเริงเช่นเดิม
“เป็นไงบ้างอ่ะ คยูฮยอน?”
“ก็... เหมือนเดิมครับ” ไม่ว่าจะถามกี่วัน กี่ครั้ง คำตอบแบบเดิมๆที่มักจะได้กลับมาเมื่อถามถึงซองมิน ทุกอย่างไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ฮยอกแจเห็นว่าคยูฮยอนยกข้อมือเพื่อดูเวลาก่อนจะลุกขึ้นวางเกมส์ที่เล่นไว้บนโต๊ะ และไปจัดแจงปรับเตียงให้กลับเป็นเหมือนเดิม
“ให้ซองมินนั่งนานแล้วหรอ?”
“ครับ.. ก็เกือบชั่วโมงแล้ว” คนถามขานรับในลำคอเบาๆ
การกระทำของคยูฮยอนที่ฮยอกแจมองเห็นในตอนนี้ช่างดูอ่อนโยนและนุ่มนวลจนทำให้เขารู้สึกอิจฉาซองมิน ถึงแม้ว่าในตอนนี้ซองมินจะมีสภาพแบบนี้แต่คยูฮยอนก็ยังคงที่จะรักและดูแลเพื่อนของเขาตลอดเวลา ในแต่ละครั้งที่คยูฮยอนจับต้องซองมิน เขาทำกับว่าร่างกายของซองมินนั้นเป็นเสมือนแผ่นแก้วบางๆที่ไม่สามารถจับรุนแรงได้เพราะเกรงว่าแก้วใบนั้นจะแตกสลายไป
...ทำไมซีวอนไม่ทำแบบนี้กับเราบ้าง?? แต่.. ทำไมต้องไปคิดถึงไอคนพรรคนั้นด้วยเนี่ย!!!!~~…
“ฮยอกแจจะอยู่กับซองมินก่อนรึเปล่าครับ?”
“อ่อ อื้มๆ”
“ถ้าอย่างนั้นผมขอออกไปทำธุระข้างนอกก่อนนะครับ” ร่างบางพยักหน้ารับเบาๆและยิ้มให้เป็นคำตอบ
หลังจากคยูฮยอนออกไปแล้วฮยอกแจจึงมานั่งลงข้างๆเตียงของซองมิน มือบางเอื้อมมือไปจับมืออวบซีดดูไร้ชีวิตชีวามากุม นิ้วเรียวลูบหลังมือของคนที่กำลังนอนอยู่บนเตียงเบาๆ
“นี่..ซองมิน.. เรามีเรื่องปวดหัวล่ะ” เสียงหวานพูดไปพร้อมทั้งใบหน้าที่ดูเคร่งเครียดเล็กน้อย
“ก็เพราะไอบ้าหน้าหล่อซีวอนนั่นแหละที่ทำให้เราต้องเครียดเนี่ย!! เพราะอะไรน่ะหรอ? ก็ดูหมอนั่นมันทำกะเราสิ เดี๋ยวแกล้ง เดี๋ยวพูดจาหวานๆ หรือไม่ก็แอบ.. เออ.. หอมแก้มเราก็มี ถามว่าดีใจมั้ยที่คนที่เราชอบทำแบบนี้กับเรา มันก็น่าดีใจนะแต่ซองมิน... ซีวอนเขาไม่เคยพูดอะไรกับเราเลยนะ เราก็เลยไม่อยากคิดไปไกล ... ซองมินก็รู้ว่าซีวอนเป็นคนขี้เล่นไม่จริงจัง... หากเราคิดเองเออเอง... มันก็นะ... น่าลำบากใจเนอะ.. เฮ้อ~~ ” ร่างบางยกมืออวบขึ้นมาให้ทาบกับแก้มเนียนของตนเอง
สายตาหวานจ้องมอใบหน้าเพื่อนอย่างเศร้าใจ
ในตอนนี้เขาอยากมีใครสักคนที่สามารถให้คำแนะนำ ให้ความช่วยเหลือในเรื่องอย่างนี้ ถ้าหากว่าซองมินยังเป็นแบบเมื่อก่อน ในวันที่ซองมินยังพูดกับเขาได้ เล่นกับเขาได้ มันก็คงจะดีกว่านี้ ฮยอกแจมั่นใจว่ายังไงซองมินก็จะให้คำแนะนำที่ดีๆกับเขาแน่นอน แต่ตอนนี้มันไม่ได้เป็นแบบนั้น ซองมิน... เพื่อนของเขานอนหลับอยู่บนเตียงอย่างไม่รู้สึกตัว เขาไม่รู้ว่าทุกคำพูดที่พูดออกไปนั้นเพื่อนของเขาจะรับรู้ได้หรือเปล่านะ? แต่อย่างน้อย.. ฮยอกแจเองก็ยังรู้สึกดีที่ว่าได้ระบายความในใจกับคนที่ตนเองไว้ใจมากที่สุด..
คยูฮยอนกลับเข้ามาภายในห้องก็พบว่าฮยอกแจยังคงนั่งอยู่ที่เดิมที่ข้างๆเตียงสีขาวนั่น ฮยอกแจเมื่อรู้ว่าใครเข้ามาก็หันใบยิ้มให้บางๆ แต่ก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน คยูฮยอนนำเครื่องดื่มและของกินบางอย่างที่ซื้อมาเอาไปเก็บไว้ในตู้เย็นก่อนจะกลับมานั่งที่โซฟาและเป็นฝ่ายเอ่ยพูดขึ้นก่อน
“ฮยอกแจ... ยังรักซีวอนอยู่รึเปล่าครับ?” คำถามแบบไม่มีหัวเรื่องถูกส่งมายังคนฟัง ทำให้
ฮยอกแจอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะตอบออกมา
“ซีวอนให้นายมาถามหรอ?”
“เปล่าครับ... ผมเป็นคนคิดเองถามเอง” คำตอบที่ได้รับมาแลดูเหมือนจะแอบกวนนิด ทำให้ฮยอกแจคิดได้ข้อนึงว่า ..ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสองคนนี้ถึงเป็นเพื่อนกันได้ เพราะมันกวนประสาทเหมือนกันนี่เอง..
“แล้วนายจะอยากรู้ไปทำไมล่ะ? เอาเถอะ.. แต่ถึงอย่างนั้นนายก็เป็นเพื่อนของหมอนั่นไม่ใช่หรอ? นายเองก็น่าจะรู้ในสิ่งที่เขาทำกับฉันนี่ว่าเป็นยังไง? แกล้งทีเล่นจริงจนฉันคิดเดาไม่ถูกว่าเขารู้สึกยังไงกับฉัน? .. แล้วอย่างนี้.. นายจะยังให้ฉันรักไอหมอนั่นอยู่อีกหรอ?”
“แล้วรักมั้ยล่ะครับ?” แม้จะพยายามเลี่ยงตอบหาเหตุผลมาอธิบายมากแค่ไหน แต่คำถามเดิมก็ยังคงส่งมาถึงเขา
ถามว่ารักซีวอนมั้ย? ถ้าเป็นเมื่อก่อนฮยอกแจคงจะตอบออกมาแบบคิดนิดเดียวคือ รัก แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบเมื่อก่อนแล้ว ตั้งแต่เกิดเรื่องในตอนนั้นและเป็นแบบนั้นตลอดมาฮยอกแจก็เริ่มไม่มั่นใจในตัวเองจะรู้สึกกับซีวอนยังไงดี? ถามว่าลึกๆแล้วรักมั้ย?.. เขาก็ยังคงรักเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่ที่เปลี่ยนแปลงคือการพูดคำว่ารักในตอนนี้นั้นมันยากเกินกว่าที่จะพูดออกมาอย่างง่ายๆ ตอนนี้เขาต้องคิดเยอะๆ คิดแล้วคิดอีกเพื่อให้ตัวเองแน่ใจว่าเมื่อเอ่ยออกไปแล้วคำตอบที่ได้กลับมานั้นจะไม่ทำให้ตัวเองต้องเจ็บมากเกินไป
“แล้วที่ฉันต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะใครล่ะ? ที่ยอมให้หมอนั่นทำขนาดนั้น.. นายคิดว่าฉันรู้สึกยังไงล่ะ?... ” คยูฮยอนยังคงมองหน้าของเพื่อนซองมินที่ตอนนี้เขาเองก็บอกไม่ถูกหรอกว่าคนที่กำลังคุยด้วยอยู่นี้.. จะยิ้ม.. หรือจะร้องไห้กันแน่..
“ถ้าไม่รัก... ก็คงไม่ยอมให้เกินเลยแบบนี้หรอก”
* * * * / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / * * * *
“รัก” บางครั้งก็ดูเหมือนจะเข้าใจง่าย แต่มันก็ไม่ได้ง่าย เหมือนจะเข้าใจยาก มันก็ไม่ยาก .. ทำไมมันถึงเป็นความรู้สึกที่ดูจะซับซ้อนดีเหลือเกินนะ?
ฮยอกแจนั่งคิดนอนคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขามาตลอดสองเดือนที่ผ่านมา ทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับซีวอน .. ฮยอกแจคงจะไม่สามารถปล่อยให้มันยืดเยื้ออกไปมากกว่านี้ไม่ได้เพราะมันอาจจะส่งผลไม่ดีกับตัวของฮยอกแจเอง ดังนั้น.. การตัดบทนั้นถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วระหว่างตัวเขาและซีวอน
“อืม... วันพรุ่งนี้สินะ.. 14 กุมภาพันธ์ วันวาเลนไทน์งั้นหรอ??” สายตาหวานพิจารณากับวันที่เขาชื่นชอบมากที่สุดวันหนึ่งที่นอกเหนือจากวันหยุด แต่เมื่อถึงวันพรุ่งนี้ก็อาจจะไม่ได้ชอบมันเหมือนเดิม เพราะวันแห่งความรักจะกลายเป็นวันปฏิเสธความรักสำหรับเขามากกว่า
“วันวาเลนไทน์มีแต่คนเขาจะบอกรักกัน คงจะมีแต่เราคนเดียวล่ะมั้ง ที่จะบอกไม่รักเนี่ย คิดแล้วตลกดีแหะ..เฮ้อ~ แต่ถ้าไม่ทำแบบนั้น... ฉันก็คงจะทนต่อไม่ไหวหรอกนะ.. ซีวอน”
* * * * / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / * * * *
“มึงก็ได้ยินแล้วไม่ใช่หรอวะไอวอน?”
“อืม”
“แล้วจะทำไงต่อ?”
“ไม่รู้ดิ”
“อ่าว!!? ไอเชี่ยนี่!!! นี่กูอุตส่าห์ลงทุนวิ่งลงไปตามมึงกลับขึ้นมาทั้งๆที่มึงจะขับรถออกจากโรงพยาบาลแล้วเพื่อที่จะได้ฟังในสิ่งที่ฮยอกแจพูด แต่พอถึงตอนนี้มึงก็ยังไม่รู้อีกว่าจะทำยังไงกับความรักของมึงดี?? แล้วจะให้กูวิ่งลงไปตามมึงกลับมาเพื่อ!!?!??” คนโดนเทศน์ได้แต่เอามือกุมขมับตัวเองที่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปดี
สิ่งที่ฮยอกแจพูดมาทั้งหมดในตอนนั้นซีวอนได้ยินหมดทุกคำทุกประโยค ถ้าคยูฮยอนไม่ไปตามเขากลับมาก็คงไม่รู้หรอกว่าฮยอกแจนั้นต้องคิดมาก น้อยใจและเจ็บปวดกับสิ่งที่เขาทำลงไปมากแค่ไหน ซีวอนไม่เคยรู้เลยจนถึงตอนนี้ เขาไม่รู้ว่าการกระทำของเขานั้นจะต้องทำให้ใครบางคนต้องเจ็บมาก ทั้งๆที่สิ่งที่ซีวอนทำลงไปกับฮยอกแจนั้นไม่ได้มีความหมายอื่นใดนอกจากเป็นเพราะรัก ถึงได้ทำลงไป... แต่มันก็อาจจะเป็นอย่างที่คยูฮยอนเคยพูดกับซีวอนว่า เขากวนเกินไป ขี้เล่นเกินไป จนทำให้ใครต่อใครก็เดาไม่ถูกว่าเรื่องที่ทำนั้นเป็นจริงเท็จอย่างไร ซึ่งรวมถึงฮยอกแจด้วยที่เดาท่าทีนั้นไม่ถูก
“แล้วมึงจะให้กูทำยังไงวะ? แค่ได้ยินที่ฮยอกแจพูดออกมาก็ทำให้กูไม่กล้าที่จะไปเจอหน้าเขาแล้ว... “
“มึงอย่ามามีอาการขี้คลาดแถวนี้ไอวอน!! แค่มึงเดินไปหาฮยอกแจแล้วบอกว่า ผมรักคุณ แค่นั้น.... จบ ... ยากตรงไหน?”
“โหย... ถ้ามึงคิดก็ง่ายอ่ะดิวะ!! แต่กูเป็นคนทำนะโว้ย!!~”
“นี่.. ไอคุณชายครับ.. ทีแต่ก่อนล่ะกล้าที่จะแกล้งเขา พูดจาหวานๆกับเขา หรือแม้กระทั่งหน้าด้านขโมยหอมแก้มเขา.. แต่พอแค่จะไปพูดประโยคเดียวเสือกหน้าไม่ด้าน ชิ*หาย!!!!” คำพูดสมัยอดีตโบราณถูกสาดใส่คนฟังมาเป็นชุดๆ ทำเอาหูชากันไปข้าง
อยากจะสวนออกไปบ้างเหลือเกินว่าทำไมมึงไม่เป็นคนทำเอง แต่คิดแล้วก็อย่าดีกว่า แค่โดนเพื่อนมันบ่นก็หูชากันไปข้างแล้ว ขืนพูดไปมีหวังหูหนวกทั้งสองข้างแน่นอน ช่างเหอะ... งานนี้เห็นทีคงต้องจัดการเองแล้วมั้ง? ในเมื่อขอความช่วยเหลือจากไอคุณเพื่อนรักก็ดันมีแต่คำด่ากลับมา เฮ้อ.. นี่สรุปว่ามันเป็นพ่อกูรึเปล่าวะ? ด่าเก่งชิ*หาย~
“เออๆ... มึงเลิกบ่นได้แล้ว แมร่ง~~ พ่อกูยังไม่เคยบ่นมากเท่ามึงเลยนะไอคยู จะมีก็แค่เอารถไปซิงแล้วมีรอยยับกลับมาเท่านั้นแหละ... มึงไม่ต้องพูด.. เรื่องนี้กูจัดการเองก็ได้” ซีวอนรีบพูดขัดทันทีเมื่อเห็นว่าไอคุณเพื่อนรักกำลังจะส่งคำด่ามาเป็นอีกกระสอบ
“แล้วมึงจะทำยังไง?”
“ตามที่มึงบอกนั่นแหละ.. เดินไปบอกรัก.. ไม่รับรักกูก็ปล่ำแม่งเลย!!”
“ห่านี่... เลวว่ะ”
“เหมือนมึงนั่นแหละ”
* * * * / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / * * * *
วันนี้แทนที่จะมีความสุขได้ยิ้มเหมือนคนอื่นๆหรือคู่อื่นๆเขาบ้าง แต่ร่างบางกลับต้องเศร้า ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีเสียงหัวเราะใดๆรับวัน Valentine’s day ความจริงก็ไม่อยากจะออกมาจากบ้านด้วยซ้ำ แต่เนื่องด้วยว่า เมื่อคืนนี้คยูฮยอนนัดเขาออกมาบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วยเกี่ยวกับซีวอน ตอนแรกก็ปฏิเสธไปแต่อีกฝ่ายก็คะยั้นคะยอจนเขาต้องยอมตกลงแล้วออกมาหาในตอนเย็น แต่ทว่าสภาพบรรยากาศด้านนอกนี่ทำให้ฮยอกแจรู้สึกอยากกลับบ้านในทันใด
...เกลียดวันแบบนี้จิรงๆเลยให้ตายเหอะ!!...
เมื่อฮยอกแจมาถึงยังที่นัดหมายก็พบว่าคนนัดเขาออกมานั้นยังไม่มาถึง เขาจึงเดินไปนั่งยังม้านั่งที่ตั้งอยู่แถวๆนั้นเพื่อรอ พอผ่านไปสักพักก็มีคนเรียกฮยอกแจจากทางด้านหลัง และเมื่อหันไปก็พบกับคนที่ไม่ได้เป็นคนนัดเขาออกมา เสียงหวานเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบาเพราะคนตรงหน้า
“ซี..วอน...” เจ้าของชื่อเพียงแต่ยิ้มให้ แต่อีกคนก็ยังคงไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นคนๆนี้ ทั้งๆที่คยูฮยอนเป็นคนนัดเขาออกมา
“นาย... มาทำธุระแถวนี้หรอ?” พยายามสงบสติอารมณ์ไม่ให้ตื่นเต้นไปกว่านี้ แต่ความจริงแล้วทั้งๆที่เขาเองก็ตั้งใจว่าจะบอกเรื่องนั้นกับซีวอน แต่พอเจอเข้าจริงๆกลับไม่กล้าที่จะพูดมันออกมา
“คยูฮยอนเป็นคนนัดฮยอกแจให้ผมเอง” ร่างสูงเลือกที่จะเป็นฝ่ายพูดความจริงก่อน ทำให้ฮยอกแจต้องมองหน้าด้วยความไม่เข้าใจ และดูเหมือนซีวอนเองก็จะสังเกตใบหน้าที่งุนงงนั้นได้จึงอธิบายต่อ
“เพราะถ้าผมเป็นคนโทรหาเอง.. ฮยอกแจก็คงไม่ออกมาหาแน่นอน” ถูกของซีวอนที่ต้องทำแบบนั้น เพราะถ้าเป็นซีวอนโทรไปหา เขาก็จะไม่ออกมา แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ในเมื่อได้มาเจอกันแบบนี้ก็จะได้พูดกันไปเลยว่าฮยอกแจต้องการอะไร
“ผมมีเรื่องจะพูดกับฮยอกแจ”
“ฉันก็มีเหมือนกัน...”
“งั้นผมให้ฮยอกแจพูดก่อน เพราะผมจะพูดกับฮยอกแจแค่นิดเดียว”
...นิดเดียว.. งั้นหรอ? ตกลงแล้วนายเห็นฉันเป็นแค่ของเล่นใช่มั้ย?..
“ก็ได้...ฉันพูดก่อน” เพราะคำพูดของซีวอนทำให้ฮยอกแจกล้าที่จะพูดออกในสิ่งที่ต้องการออกมาได้ทั้งหมดเพียงเพราะความน้อยใจที่เขาคิดเองว่าซ๊วอนเห็นเขาเป็นเพียงแค่ของเล่นชิ้นหนึ่งที่จะแกล้งและโยนทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้
“ฉัน... ต้องการให้นายเลิกเล่นกับฉันสักที ชเว ซีวอน!!!”
“ละ เล่น?? หรอ??” ประโยคของร่างบางก็ทำให้ซีวอนงงไม่น้อยไปกว่ากัน
“ใช่.. เล่น.. ฉันถามนายจริงๆเถอะซีวอน นายเห็นฉันเป็นอะไรสำหรับนาย? นายคิดอยากจะแกล้งก็แกล้ง อยากจะดีก็ดี อยากจะ... ทำอะไรก็ทำ นาย.. เห็นฉันเป็นอะไร? ฉันไม่ใช่ตุ๊กตานะที่นายจะทำอะไรกับมันก็ได้ตามอำเภอใจนะ” เสียงหวานเริ่มที่จะเบาลง หยาดน้ำตาที่ไม่อยากให้เกิดก็เกิด ความอ่อนแอที่ไม่อยากให้ใครเห็นก็ดันปะทุออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ร่างสูงเห็นเช่นนั้นก็ค่อยก้าวเดินไปหา มือหนาวางบนไหล่บางทั้งสองข้างหมายที่จะปลอบประโลม แต่มือบางของฮยอกแจก็ยกขึ้นมาและเอามือข้างหนึ่งของซีวอนยกออกจากไหล่ของตนเอง
“พอเถอะ.. หยุดมันแค่นี้ สิ่งที่นายทำกับฉัน.. นายหยุดซะ ฉันขอร้อง”
“แล้วถ้าผมไม่หยุดล่ะ? ผมไม่ได้อยากหยุดในสิ่งที่ผมทำ ผมอยากทำอะไรผมก็ทำ” เสียงทุ้มเอ่ยเรียบของซีวอนทำให้ฮยอกแจต้องเงยหน้ามองด้วยความหงุดหงิดใจ
“นี่!! ชเว ซีวอน!! ที่ฉันอธิบายให้นายฟังตั้งยืดยาวนายไม่เข้าใจเลยหรือไง ห๊ะ!!??”
...ไอหมอนี่!!! มันจะกวนตี*จนหยดสุดท้ายเลยใช่มั้ยวะ!!?...
“ก็จะให้ผมเข้าใจได้ยังไงล่ะครับ? ก็ในเมื่อสิ่งที่ผมทำไปผมทำกับคนที่ผมรัก”
...คน.. ที่รัก?...
“นาย.. หมายความว่า.. ยังไง??” แต่ดูเหมือนครั้งนี้คนที่งงจะเป็นฮยอกแจเองมากกว่าที่เริ่มจะไม่เข้าใจในความหมายของซีวอน ร่างบางมองใบหน้าคมที่ครั้งนี้ดูจริงจังต่างไปจากเดิม ไม่มีเค้าขี้เล่นหรือกวนประสาทแฝงอยู่เลยแม้แต่น้อย
“ที่ผมแกล้ง.. ก็เพราะฮยอกแจน่ารัก”
...อะ ไอบ้า!! มาชมกันซึงๆหน้าได้ยังไงวะ!!??...
“ที่ผมกวน.. เพราะผมอยากเห็นฮยอกแจยิ้มบ้าง”
...กวนซะฉันปวดหัวเนี่ยนะ?? แล้วมันจะยิ้มได้ยังไง!!??..
“ที่ผมหอมแก้ม...”
...แล้วมันจะพูดประเด็นนี้ทำไมเนี่ย!!???....
“เพราะผมรักฮยอกแจ”
ประโยคนี้ทำให้ฮยอกแจรู้สึกว่าหากตัวเองเป็นภูเขาไฟมันก็คงจะระเบิดจนไม่เหลือซากให้เห็นแล้วก็เป็นได้ เล่นพูดออกมาตรงๆแบบนี้ใครมันจะไปตั้งรับไว้ แต่ในเมื่อตั้งรับตอนนี้ไม่ได้ ก็ขอถอยกลับไปตั้งรับที่บ้านใหม่แล้วค่อยว่ากัน
“อะ เออ.. ฉันต้องกลับแล้ว.. มีงานต้องทำ” ก้มหน้าก้มตาพูดเพราะความอาย ถ้าเงยหน้าตอนนี้มีหวังไอผู้ชายหน้าหล่อนี่คงต้องล้อแน่ๆ ว่าแล้วก็รีบผลักตัวให้ออกห่างจากวงแขนนั่นอย่างรวดเร็ว แต่มีหรือที่คนอย่างชเว ซีวอนจะยอมง่ายๆ วงแขนแกร่งก็รั้งตัวร่างบางให้เขามาอยู่ในอ้อมแขนเหมือนเดิม แต่ระยะห่างอาจะไม่เหมือนเดิมเท่าไหร่
“ปะ ปล่อยนะ!!” เสียงที่เอ่ยออกไปก็เริ่มติดขัด พูดไม่ค่อยจะออก หน้าแดงๆที่เงยขึ้นมาด้วยความเผลอไผลทำให้คนมองถึงกับอมยิ้ม
“จะปล่อยได้ยังไง? ในเมื่อฮยอกแจยังไม่บอกผมบ้างเลย”
“บ บอกอะไรเล่า!!?”
“ก็บอกรักผมไง~”
...โอ๊ยย!!~~ ไอบ้าชเวเอ้ย!! คิดถูกมั้ยเนี่ยที่ฉันมารักนายเนี่ย!!?...
“ก็ฉันเคยบอกไปแล้วไง”
“เอ๋... ตอนไหนครับ?”
“ก็ตอนนั้นไง”
“ฮยอกแจครับ.. ถ้าฮยอกแจไม่พูด.. ผมจะทำโทษฮยอกแจนะ”
...ทำโทษ?? ทำโทษอะไรของมันฟระ!!?...
ไม่ต้อรอให้อธิบายอะไรต่ออีก ริมฝีปากอุ่นก็แนบลงกับแก้มใสข้างหนึ่งอย่างไม่รีรอให้ต้องถามต่อ
“เฮ้ย!!! นายจะมา……!!?” มือบางยกขึ้นปิดแก้มที่เพิ่งโดนขโมยหอมไปเมื่อกี้อย่างรวดเร็ว
“ถ้ายังไม่บอก.. จะโดนอีกข้างนะครับ”
“นี่!! ปล่อยเลยนะ อ๊ะ!!!” ไม่ต้องพูดอีกเป็นครั้งที่สอง จูบอุ่นๆก็นาบลงบนแก้มอีกข้างหนึ่งทันที
“ผมพูดจริงทำจริงนะ... จะบอกได้หรือยัง??”
“ถ... ถ้าบอกแล้วนายห้ามทำโทษอีก!!” แน่ล่ะ.. หมดทางต่อกรแล้ว ขืนไม่พูดไปก็มีแต่เสียเปรียบไอหน้าหล่อนี่อย่างเดียวเลย
ฮยอกแจจ้องใบหน้าคมที่ตอนนี้อยู่ใกล้เกินกว่าจะคาดคำนวณระยะห่างได้ ใบหน้าคมที่ตอนนี้กำลังอมยิ้มอย่างมีความสุขที่ได้แกล้งเขา ในขณะที่ตัวฮยอกแจนั้นกลับบึ้งตึงเพราะโดนไอคนที่กำลังยิ้มกรุ่มกริ่มเอาเปรียบเกินพิกัด เสียงทุ้มเร่งเร้าให้ฮยอกแจต้องรีบบอกออกไปก่อนที่จะโดนทำโทษอีกเป็นครั้งที่สาม
“ก็ได้ๆ!!!” ใบหน้าหวานก้มลงต่ำเพราะไม่กล้าพูดต่อหน้าตรงๆ
“ฉัน.. ก็รัก ... นาย”
“ว่ายังไงนะครับ? ผมไม่ได้ยินเลย”
...โอ๊ยย!!!! ไอหมอนี่!!...
“ฉันรักนาย ได้ยินรึยังห๊ะ!!??” แทนที่จะได้ยินคำที่ฟังดูแล้วเสนาะหู แต่กลับเป็นเสียงหัวเราะแทน ทำเอาร่างบางหน้าตึงทันที
“โอเค!! ยังไงความรู้สึกฉันมันก็เป็นแค่ของเล่... อุ๊บ~”
ไม่ทันจะจบประโยคคำพูดนั้นก็หายไปพร้อมกับความอบอุ่นบนริมฝีปากที่ได้รับ จูบที่แสนอบอุ่นและอ่อนโยนถูกมอบให้อย่างไม่ทันตั้งตัว มือบางกำชายเสื้อของร่างสูงแน่น ความตกใจและตื่นเต้นปนเปกันจนแยกไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร ลมหายใจที่ถูกช่วงชิงไปใกล้หมดลงทำให้มือบางต้องทุบอกแกร่งเบาๆทำให้ร่างสูงต้องถอนจูบออกไปอย่างอ้อยอิ่ง สายตาคมจ้องมองใบหน้าหวานที่ตอนนี้แดงก่ำซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเขินอายหรือเพราะหายใจไม่ทันกันแน่ มือหนายกขึ้นเช็ดน้ำตาที่หางตาเรียวอย่างเบามือ
“ทีหลังอย่าพูดคำว่า “ของเล่น” กับผมอีกนะครับ สำหรับฮยอกแจ.. ฮยอกแจไม่ใช่ของเล่นของผม แต่ฮยอกแจเป็นคนรักของผม เข้าใจมั้ยครับ?” ร่างบางได้แต่เพียงพยักหน้าเบาๆ
“ไหนบอกว่าจะไม่ทำโทษไง?” เสียงหวานเอ่ยออกมาอย่างแห้งผาก
“ทำโทษ? ผมไม่ได้ทำนะครับ.. ทำโทษเมื่อกี้ผมแค่หอมแก้ม แต่ที่ผมทำเมื่อกี้ผมจูบนะ”
“นะ นั่นแหละ!! จะทำทำไม!!?”
“ช่างเถอะๆ.. ถือซะว่าเป็นจูบรับวันวาเลนไทน์ไงครับ อืม~ ไหนๆก็มี Valentine’s day แล้ว.. มันก็ต้องมี Valentine’s kiss ด้วยสิครับ.. ถึงจะเข้ากัน.. เนอะ?” พูดจบก็รวบร่างบางเข้าไปกอดอย่างที่
อยากทำมานานใบหน้าคมเต็มไปด้วยความสุขที่อยากจะตะโกนออกมาดังๆให้ โลกได้รับรู้และให้ โจ คยูฮยอนได้ยินว่า ‘กูทำได้แล้วโว้ย!!’
...เหอะ.. ฉันจะเข้าทางเสียเปรียบนายน่ะสิไม่ว่า!! นี่ถ้าไม่รักนาย.. คงไม่ยอมให้ทำแบบหรอก ไอคุณชายชเว...
ส่วนฮยอกแจที่ตอนนี้แม้ว่าจะรู้สึกดีใจที่เขาได้ความรักจากคนที่แอบชอบมานานมาเป็นของตัวเอง แต่ในใจก็อดที่จะตระหนักถึงเรื่องในอนาคตไม่ได้อยู่ดีว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง และดูแล้วเขาก็คงจะไม่รอดพ้นกับการเป็นตุ๊กตาให้ซีวอนได้เล่นตามอำเภอใจอีกแน่นอน แต่อย่างน้อย.. เขาก็สามารถมั่นใจได้ว่าซีวอนไม่ได้ล้อเล่นกับความรู้สึกของเขาเหมือนแต่ก่อนแล้ว
…ซองมิน.. เราได้รักจากซีวอนแล้วนะ.. ส่วนนาย.. ก็รีบฟื้นเร็วๆนะ จะได้มารับความรักจากคยูฮยอนด้วย …
~END~
ผลงานอื่นๆ ของ Kim_Jo_Lee ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Kim_Jo_Lee
ความคิดเห็น